นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ภาพตนเองขณะปราศรัยบนเวทีผู้ชุมนุมคัดค้านร่างกฎหมาย NPO โดยระบุว่า No NPO Bill: สิทธิและเสรีภาพในการรวมกลุ่มของภาคประชาชนคือสิ่งที่รัฐบาลต้องเคารพ เมื่อช่วงค่ำวันนี้ ผมได้ไปพบปะกับพี่น้องภาคประชาชน ภาคประชาสังคม พี่น้ององค์กรพัฒนาเอกชน(NGOs) ที่กำลังชุมนุมคัดค้านร่างกฎหมาย NPO ที่รัฐบาลได้ผผลักดันและอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็น
.
ผมในฐานะคนไทยคนหนึ่งก็อยากจะใช้โอกาสนี้ในการร่วมกับพี่น้องยืนยันในหลักการที่ว่า ประชาชนมีสิทธิและเสรีภาพอันชอบธรรม ในการรวมกลุ่มเพื่อดำเนินกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ ที่บัญญัติไว้ทั้งในรัฐธรรมนูญของไทย และในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ด้วย
.
ความทุกข์ร้อน ข้อร้องเรียนของพี่น้องประชาชน เป็นสิ่งที่พวกเราพรรคก้าวไกลพยายามผลักดันและช่วยส่งเสียงต่อจากพี่น้องประชาชนให้ดังขึ้นในสภาเสมอมา แต่พวกเราก็เป็นเพียงแค่กลไกหนึ่งที่ช่วยส่งเสียงแทนพวกท่าน โดยทำผ่านกลไกรัฐสภาเท่านั้น
.
แต่หลายเรื่องกว่าจะถูกส่งต่อเข้ามาถึงสภา ก็ต้องใช้เวลายาวนานและอาจจะไม่ทันการ และบางครั้งสภาก็อาจจะไม่สามารถขับเคลื่อนประเด็นได้อย่างที่ต้องการทุกครั้ง ดังนั้นจึงยังต้องมีผู้คนจำนวนมากที่เป็นผู้ที่ทำงานหนัก ผู้ที่อุทิศตนเพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ อุทิศตนเพื่อปกป้องสิทธิชุมชน อุทิศตนเพื่อปกป้องเสรีภาพในการแสดงออก อุทิศตนและชีวิตเพื่อปกป้องประชาธิปไตย
.
ผู้คนเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาต่างๆ ภาคประชาสังคมที่ทำงานเพื่อส่วนรวม หรือ พี่น้องนักพัฒนาเอกชน(NGOs) ผมศรัทธาในความมุ่งมั่นของทุกคนและเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่า ทุกคนมีเจตนารมณ์เดียวกันที่มุ่งสร้างสรรค์สังคมในอุดมคติทีเท่าเทียม ยุติธรรม และเสมอภาคกัน
.
หลายองค์กรที่ได้ร่วมชุมนุมกันอยู่ในวันนี้ ได้เคยร้องเรียนมาที่สภาผู้แทนราษฎรถึงความไม่ชอบธรรมต่างๆ จากโครงการพัฒนาขนาดใหญของทั้งรัฐและกลุ่มทุน หลายครั้งที่พี่น้องที่มารวมกันอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็เหมือนเป็นอาจารย์ของผม ชี้แนะแนวทางกับผม สร้างความเข้าใจปัญหาของประชาชนทั้งด้านกว้างและด้านลึก
.
หลายครั้งผมต้องถามหาข้อมูลจาก มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม – EnLAW เกี่ยวกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม หลายครั้งผมต้องหาข้อมูลจาก iLaw เพื่อทำข้อมูลกฎหมายที่เกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน ผมศึกษาประวัติศาสตร์การต่อสู้เรื่องที่ดิน เรื่องเขื่อนจากพี่น้องสมัชชาคนจน ผมได้มีโอกาสรับฟังปัญหากับพี่น้องจะนะ พี่น้องนาบอน พี่น้องสกน. พี่น้องเครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่
.
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ก็เพื่อที่จะบอกกับทุกท่านว่า ภาครัฐอย่างเดียวมองไม่รอบด้าน ภาคการเมืองอย่างเดียวก็ไม่เพียงพอ รัฐบาลต้องมองว่าภาคประชาชนเป็น “หุ้นส่วนของการพัฒนา” เพราะการไว้เนื้อเชื่อใจและการมองกันและกันเป็นหุ้นส่วนในการพัฒนาประเทศเท่านั้นที่จะสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริงได้
.
วันนี้พวกผมยังเป็น ส.ส.จากพรรคฝ่ายค้าน แต่ผมอยากจะกล่าวกับทุกท่านว่า ผมจะยืนยันในหลักการที่ว่าประชาชนมีสิทธิและเสรีภาพอันชอบธรรม ในการรวมกลุ่มเพื่อดำเนินกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ และต่อให้วันหนึ่งพวกผมเป็นฝ่ายบริหาร พวกผมก็ยังจะยืนยันในหลักการนี้อย่างมั่นคง ผมเชื่อความความโปร่งใสนั้นเกิดขึ้นจากการตรวจสอบ และการตรวจสอบที่เข้มแข็งที่สุดคือตรวจสอบรัฐบาลโดยภาคประชาชน ซึ่งการบ่อนทำลายภาคประชาชน ก็คือการบ่อนทำลายการตรวจสอบรัฐบาล
.
ผมในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล ขอยืนยันกับทุกคนที่นี่ ว่าพวกเราไม่เห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้เช่นเดียวกับพี่น้อง ถ้าร่างกฎหมายฉบับนี้ถูกดันทุรังเข้าสู่สภา พรรคก้าวไกลจะโหวตไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน หรือแย่ที่สุด คือร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านสภาและถูกประกาศใช้ ผมก็ขอสัญญาว่าถ้าเราได้เป็นรัฐบาลเมื่อไหร่ เราจะยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ทันที เพราะกฎหมายแบบนี้ ไม่มีประเทศที่เป็นประชาธิปไตยดีๆ ที่ไหนเค้าผลักดันออกมาครับ
.
‘พิธา’กระโดดขึ้นเวทีม็อบต้านกฎหมายคุมเอ็นจีโอ ลั่น!!ได้เป็นรัฐบาลเมื่อไหร่ยกเลิกให้เลยทันที
- Advertisement -