นายพงศ์พรหม ยามะรัต แกนนำพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ขอโพสต์เรื่องดราม่าเด็กจุฬาฝึกงานหน่อย เพราะมันเกี่ยวกับตัวตนของสังคมไทยมากๆ ผมเห็นข่าวเด็กจุฬาดราม่าแล้วได้แต่คิดว่า 40 ปีผ่านไป เราก็ยังมีเด็กรุ่นใหม่ๆที่โตมาแล้วอ่อนแอ ขี้แพ้เหมือนเดิม เด็กรุ่นใหม่ๆ ไม่ใช่แค่เด็กรุ่นนี้นะครับ เด็กรุ่นใหม่ๆ หมายถึงเด็กที่เคยเป็นรุ่นพี่ผม
.
เด็กรุ่นผม เด็กรุ่นน้องผม จนมาวันนี้ก็เริ่มเป็นเด็กรุ่นหลานผม อ่อนแอ เหลาะแหละ เปราะบาง งอแง ขี้แพ้เหมือนเดิม ฝึกงานแล้วงอแง ฉันลูกใคร? ฉันเป็นใคร ไม่รู้จักเหรอ? ดูถูกงาน มันเป็นค่านิยมแปลกๆที่อยู่ในสังคมขี้แพ้มานาน
.
เอาใหม่ โรงเรียนการโรงแรมสวิส ค่าเรียนปีละ 3-5 ล้านบาท ถ้าไปฝึกงานที่ไหนแล้วเห็นเด็กขี้ เยี่ยว แล้วไม่รีบไปจัดการ สอบตก โดนไล่ออก ตกงาน มีแค่นี้ เพราะคุณเลือกแล้วว่าคุณจะมาทำในธุรกิจ “การให้บริการ” ครับ
ชคุณเลือกเอง ไม่ได้มีใครบังคับ เราจึงเห็นผู้จัดการโรงแรมชาวฝรั่งเก่งๆ เงินเดือน 300,000-500,000 บาท เดินเช็ดขี้เยี่ยวเด็กอยู่ตามโรงแรม เพราะเขาถูกฝึกมาแบบนั้นตั้งแต่เรียนหนังสือ สังเกตุ เอาใจไปใส่ และมี service mind
.
ส่วนคนไทยจำนวนไม่น้อย ธุระไม่ใช่ กูอ่อนแอ กูเปราะบาง กูรักสบาย เกิดมาอยากเป็นเจ้าคนนายคน อยากรวย อยากได้เงินเยอะๆ อยากถ่ายรูปสวยๆ เป็นมาทุก generation รุ่นใหม่ โรคนี้ก็ยังไม่หาย ดีไม่ดีอาการหนักขึ้นด้วย เพราะไปดราม่า ประจานความอ่อนแอตัวเองในโลกโซเชียลได้ต่อ แล้วประเทศมันจะเจริญยังไงครับ?
.
“นิสัยขยะ”ที่รุ่นผมเห็นตั้งแต่เด็ก ที่เป็นจุดอ่อนที่ทำให้ต่างชาติมองคนไทยว่า“เลือกงาน ขี้งอแง ขี้ดราม่า ขี้อิจฉา ขี้เกียจ” ไอ้เหี้ย แทนที่จะหมดไปกับคนรุ่นเก่า แม่งเสือกมีเยอะขึ้น (รุ่นใหม่ดีๆก็มีมาก ผมไม่ได้เหมารวมนะ) แล้วเราก็มาด่ากันเอง ว่าคนอื่นทำให้ประเทศไม่เจริญ เด็กจีน เด็กสวิส เด็กเยอรมัน เด็กสิงคโปร์ มันมองว่าอายุ 15-45 คือช่วงเรียนรู้หนัก ทำงานหนัก
.
ส่วนเด็กไทยจำนวนมากตลอด 40 ปีที่ผมเห็น รักสบาย อยากสบาย อยากคุยกับเพื่อนทั้งวัน แต่ได้เงินเดือนเยอะๆ ให้งานอะไรก็รู้สึกเป็นภาระชีวิตไปหมด นี่แหละครับนิสัย “ขี้แพ้” ที่ยังมีอยู่เยอะในสังคมไทย แต่พอประเทศไม่พัฒนา สิ่งที่ง่ายสุดคือชี้หน้าโทษคนอื่น โทษคนรุ่นอื่น
แต่ไม่พัฒนาตัวเอง
.
‘พงศ์พรหม’ขอพูด!!ปมดราม่าเด็กฝึกงาน อัดเด็กรุ่นใหม่อ่อนแอ-ขี้แพ้ พอประเทศไม่พัฒนาชี้หน้าโทษคนอื่น
- Advertisement -