เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2568 เพจ The Strategic Innovator โพสต์ข้อความในหัวข้อ เมื่อเอเชียลุกขึ้น – และไทยกำลังถึงจุดตัดสินใจ
เศรษฐกิจไทยกำลังซบเซาหนักที่สุดในรอบหลายปี
IMF คาดการณ์ว่า GDP ไทยจะโตเพียง 1.8% ในปี 2025 และลดลงเหลือ 1.6% ในปี 2026 — ต่ำที่สุดในกลุ่มอาเซียน-5
ขณะที่ฟิลิปปินส์ (5.5% → 5.8%) เวียดนาม (5.2% → 4.0%) อินโดนีเซีย (4.7% → 4.7%) และมาเลเซีย (4.1% → 3.8%) ยังเดินหน้าอย่างมั่นคง
คำถามคือ: ไทยยังรออะไร?…
ญี่ปุ่น: สร้างใหม่จากศูนย์ (1950s–1970s)
หลังพ่ายแพ้สงครามโลก ญี่ปุ่นต้องเริ่มต้นจากจุดต่ำสุด
แต่ด้วยการสนับสนุนจากสหรัฐฯ:
1. “Dodge Plan” สร้างวินัยการเงิน ปราบเงินเฟ้อ
2. เงินช่วยเหลือ + สัญญาสั่งซื้อในสงครามเกาหลี ทำให้เศรษฐกิจหมุนอีกครั้ง
3. สหรัฐเปิดตลาด ให้สินค้าและเทคโนโลยีญี่ปุ่นเข้าสู่ตลาดโลก
4. การปฏิรูปอุตสาหกรรม เน้น “คุณภาพ” + วิจัยและพัฒนา (R&D)
ผลลัพธ์: ญี่ปุ่นกลายเป็นมหาอำนาจอุตสาหกรรม ภายในเวลาไม่ถึง 30 ปี
เกาหลีใต้: เดินตาม ปรับใหม่ และแซงหน้า (1980s–2000s)
จากหนึ่งในประเทศยากจนที่สุดในโลกหลังสงครามเกาหลี สู่ “เศรษฐกิจเสือเอเชีย”
1. รัฐหนุน ‘แชโบล’ (กลุ่มทุนขนาดใหญ่) เช่น Samsung, Hyundai
2. ลงทุนหนักในการศึกษาและเทคโนโลยี
3. เน้น R&D และนวัตกรรมไม่ใช่แค่การผลิต
4. สร้างแบรนด์ระดับโลก ทั้งในสินค้า เทคโนโลยี และ Soft Power (เช่น K-pop, K-drama)
ผลลัพธ์: เกาหลีใต้กลายเป็นประเทศผู้ส่งออกนวัตกรรมระดับโลกในเวลาเพียงรุ่นเดียว
จีน: สังเคราะห์ทุกโมเดลแล้วสร้างทางของตัวเอง (1990s–ปัจจุบัน)
หลังเปิดประเทศในยุคเติ้ง เสี่ยวผิง จีนเลือกใช้แนวทาง “ทดลองในบางพื้นที่ก่อน”
1. สร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษ ดึงดูด FDI พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยี
2. ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทั้งประเทศ
3. สร้างบริษัทรัฐที่มีประสิทธิภาพ + สนับสนุนบริษัทเอกชนเทคโนโลยี เช่น Huawei, Alibaba
4. วางยุทธศาสตร์ชาติด้าน AI, พลังงานสะอาด, และ IP
ผลลัพธ์: จีนกลายเป็นผู้เล่นหลักในเศรษฐกิจโลก พร้อมเปลี่ยน “Made in China” เป็น “Created in China”
แล้วไทยล่ะ?
ไทยไม่ได้เริ่มจากศูนย์…
เรามีอุตสาหกรรมที่เข้มแข็ง ภาคเอกชนที่มีศักยภาพ ทรัพยากรมนุษย์ที่มีความคิดสร้างสรรค์
แต่เรายังใช้ “จุดแข็งที่ซ่อนอยู่” ไม่เต็มศักยภาพ
1. เราไม่มีแผนระยะยาวด้าน IP หรือ Innovation ที่ต่อเนื่อง
2. ระบบราชการและการเมืองที่ไม่เอื้อต่อการลงทุนหรือความต่อเนื่อง
3. การศึกษาไม่เชื่อมกับเศรษฐกิจจริง
4. และเรายังไม่มี “ระบบนิเวศแห่งการสร้าง” แบบที่เพื่อนบ้านเราลงมือทำแล้ว
ถึงเวลาเรียนรู้จากอดีต เพื่อสร้างจุดเปลี่ยนของเราเอง
ญี่ปุ่นสอนให้เราเห็นว่า นโยบายอุตสาหกรรม + การสนับสนุนจากต่างชาติสามารถเปลี่ยนโฉมประเทศได้
เกาหลีสอนว่า การศึกษาที่เชื่อมกับเศรษฐกิจ และการกล้าเสี่ยงในนวัตกรรม คือหัวใจของการเปลี่ยนผ่าน
จีนสอนว่า โครงสร้างพื้นฐาน + IP + กลยุทธ์ระดับชาติ คือเส้นทางสู่การเป็นมหาอำนาจ
ไทยต้องกล้าสร้างเส้นทางของตัวเอง ด้วยการปลดล็อกศักยภาพที่เรามีอยู่แล้ว
โดยเฉพาะด้าน:
ทรัพย์สินทางปัญญา (IP)
อุตสาหกรรมสร้างสรรค์
การเชื่อมโยงภูมิภาค
ถ้าไทยจะมีจุดเปลี่ยน — มันต้องเป็นตอนนี้
Sources: IMF World Economic Outlook (April 2025), Freedom House, The Guardian, Bangkok Post, World Bank, JETRO, KIEP, NDRC China
_____________
#Thepoint #Newsthepoint
#เศรษฐกิจไทย #เศรษฐกิจเอเชีย #GDPไทย