เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2568 นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน อภิปรายถึงปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ ที่ยังมีความจำเป็นจะต้องถูกทำลาย ทั้งทุนต่างชาติสีเทาและทุนไทยเทา ซึ่งร่วมมือกันบ่อนทำลายประเทศ โดยปัญหานี้เกิดจากการที่นายกรัฐมนตรีจงใจ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง และกลุ่มทุน จงใจปล่อยให้เกิดการทุจริตในระบบราชการ มองการคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นจนทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีแนวทางการจัดการ ว่าปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะจบลงอย่างไร
นางสาวรักชนก ย้ำว่า ความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น เกิดจากการที่เรามีนายกรัฐมนตรี ชื่อแพทองธาร ชินวัตร ทั้งๆ ที่ประเทศควรจะได้ตัวเลือกที่ดีกว่านี้ โดยความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน สะท้อนผ่านสถิติและตัวเลข ที่ปรากฏจากมูลค่าความเสียหายการหลอกลวงของแก็งสแกมเมอร์ และคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งข้อมูลใน 3-4 ปีที่ผ่านมานั้น คือ 80,000 ล้านบาท และตัวเลขนี้ก็อาจจะไม่ได้สะท้อนถึงความเสียหายที่แท้จริง เพราะยังคงมีคนที่ไม่ได้เข้ามาแจ้งข้อมูลด้วย ซึ่งอาจทำให้มูลค่าสูงถึงปีละ 100,000 ล้านบาท
ทั้งที่รัฐบาลเพื่อไทยเคยตั้งเป้าหมายอยากขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยอยากให้ประเทศเราเป็นฮับการท่องเที่ยว ดิจิทัล การบิน ขนส่ง แต่ตอนนี้สิ่งที่เราได้คือฮับของคนที่ทำทีว่า เป็นนักท่องเที่ยว แต่ที่จริงแล้ว เข้ามาทำธุรกิจสีเทา ซึ่งส่งผลกระทบต่อความไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ขนาดนายกรัฐมนตรีเองก็เคยเจอปัญหาเรื่องนี้เองกับตัวแล้ว
“นายกฯ พูดออกมาอย่างหน้าตาเฉยว่า เกือบหลงเชื่อ พร้อมเล่าเหตุการณ์ต่างๆ เหมือนเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น เป็นอีเวนท์ชีวิตที่เอามาเล่าสนุกได้ แต่ถ้านายกฯ ลองคิดสักนิดว่า สิ่งที่ตัวเองเจอสะท้อนอะไร จะพบว่า คนที่ถูกห้อมล้อมด้วยการรักษาความปลอดภัยระดับนี้ มิจฉาชีพยังติดต่อได้ การปลอมเป็นผู้นำมาหลอก แปลว่าเขารู้ว่าเขากำลังคุยกับใคร ต้องค้นหาต้นตอว่าข้อมูลหลุดมาจากแหล่งไหน ถ้าเข้าถึงได้แม้กระทั่งนายกฯ ยังเกือบไม่รอด แล้วตาสีตาสาผู้เฒ่าผู้แก่ประชาชนธรรมดาที่ไม่ทันเกม ไม่ทันเทคโนโลยี พวกเขาจะเหลือหรือ“
นางสาวรักชนก กล่าวอีกว่า สิ่งที่ประชาชนอยากรู้คือขั้นตอนการแก้ไขปัญหา ไม่ได้อยากรู้ว่านายกรัฐมนตรีมีความตื่นเต้นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน เพราะถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วทำได้แค่นี้ เราไม่ต้องมีนายกรัฐมนตรีก็ได้
นางสาวรักชนก กล่าวถึงต้นน้ำของแก็งคอลเซ็นเตอร์อีกว่า การดำรงอยู่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น ต้องอาศัยทรัพยากรจากไทยในการเกื้อหนุน ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต อิฐหินปูนดิน น้ำมัน และคน ซึ่งในแต่ละกระบวนการ นายกรัฐมนตรีเอง เป็นคนที่มีอำนาจสั่งการสูงสุด แต่กลับปล่อยปละละเลยจนเละตุ้มเป๊ะไปหมด ซึ่งขณะนี้ยังมีถึง 18 จุดในชายแดน 3 ประเทศ ที่ยังคงใช้งานได้อยู่ จากนั้นได้ไล่เรียงเหตุการณ์ตัดไฟ ซึ่งมีรองนายกฯรัฐมนตรีสองคนเกี่ยวกันไปกันมาเป็นปี และตัวนายกรัฐมนตรีเองก็แทบจะไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย จนกระทั่งผู้ช่วยของรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนเดินทางมา จึงมีการดำเนินการ ทำให้สถานการณ์นี้ กลายเป็นสิ่งน่าเศร้า เนื่องจากต้องไปหวังว่า ทางการจีนจะกดดันให้รัฐบาลไทยมาทำหน้าที่ของตัวเองหรือไม่
นางสาวรักชนก ยังกล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปจีน ซึ่งเดินทางไปก่อนหน้านั้น 1 วัน ตนเชื่อเหลือเกินว่า ถ้าไม่ต้องมีการไปพบประธานาธิบดีจีน การตัดไฟโดยรัฐบาลไทย จะไม่มีทางเกิดขึ้น เพราะภายหลังจากกลับมา นายกรัฐมนตรีระบุแค่ว่า ประธานประธานาธิบดีจีน ชอบกินทุเรียน และเรากำลังจะได้แพนด้าสองตัว
อย่างไรก็ตาม การตัดไฟเป็นเพียงก้าวแรก เพราะมีการตัดไปแค่ 5-6 จุด จากจำนวนทั้งหมด และจุดที่ตัดไปนั้น ก็มีเพียงแค่ฝั่งเมียนมา แต่ฝั่งที่มีการหลอกคนไทยเป็นหลักคือฝั่งกัมพูชา และน่าแปลกใจมากว่า การจัดการฝั่งกัมพูชา ควรจะง่ายกว่าจุดอื่นๆ เพราะดูเหมือนบุพการีของนายกประเทศไทย กับบุพการีของนายกกัมพูชา จะใกล้ชิดสนิทสนมกันเหลือเกิน ขนาดว่าออกจากชั้น 14 มาวันแรก ก็มาเยี่ยมก่อนใคร
“คุณทักษิณออกมาบอกเองว่า ลูกก็สนิทกัน พ่อก็สนิทกัน แล้วคนไทยได้อะไร สนิทกันแล้วประเทศไทยเราได้อะไรบ้าง เขาเคยอำนวยความสะดวกให้เราบ้างไหม ในพื้นที่ที่เป็นตึกสแกมเมอร์สร้างใหม่ล้ำสันปันน้ำประเทศไทยเราด้วยซ้ำ และกลายเป็นว่าความร่วมมือที่เราได้จากฝั่งกัมพูชามีน้อยมาก นายกฯ อย่าทำให้คนเขานินทาว่า ปราบเมียนมาอย่างหนัก แต่ไม่ทำอะไรที่ฝั่งกัมพูชาเลย เพราะนายกฯ เกรงใจเพื่อนสนิทพ่อ แต่เขาไม่เคยเกรงใจอะไรเราเลย”
นางสาวรัชนก กล่าวถึงกรณีท่าข้ามว่า จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีใครออกมาบอกว่า คนที่ต้องเป็นผู้ตัดสินใจคือใคร โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดตาก ที่มีความมั่นคงแข็งแรง และยั่งยืนยงขนาดนี้ ไม่ได้ถูกสร้างด้วยไม้ ซีเมนต์ หรือคอนกรีตเสริมเหล็ก แต่ถูกสร้างด้วยเงินจากส่วยที่โปะเข้าไป เพื่อปิดหู ปิดตา ปิดปากเจ้าหน้าที่รัฐ ให้มองไม่เห็นสิ่งผิดกฎหมายจึงยังอยู่ได้จนจนถึงทุกวันนี้ เป็นเคล็ดลับที่ทำให้ตำรวจที่เส้นสายดีๆ ใครๆ ก็อยากไปทำงานที่แม่สอด
และตนขอตั้งคำถามว่า เครื่องบินที่บินไปแม่สอด ทั้งลำเป็นคนจีนหมดเลย ไปทำอะไรกัน เพราะการท่องเที่ยวในแม่สอด ก็ไม่ได้บูมขนาดนั้น แถมเมื่อไปถึงแล้ว ยังข้ามไปที่ประเทศเมียนมาไม่ได้ เพราะด่านผ่านแดนที่ถูกกฎหมาย อนุญาตให้เฉพาะคนไทยและเมียนมาเท่านั้น ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราจะต้องมีมาตรการในการจำกัดพื้นที่ฟรีวีซ่า โดยการห้ามนักท่องเที่ยวเข้าจังหวัดที่มีความเสี่ยง อย่างพื้นที่ชายแดนที่มีปัญหาคอลเซ็นเตอร์แบบนี้ ซึ่งต้องมารอดูกันว่า สุดท้ายนายกรัฐมนตรีจะตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในเวลาอีกกี่เดือน
_____________
#Thepoint #Newsthepoint
#อภิปรายไม่ไว้วางใจ #ซักฟอกนายก #นายก
#ทักษิณชินวัตร #แพทองธารชินวัตร #ไอซ์รักชนกศรีนอก
#ฝ่ายค้าน #พรรคประชาชน #รัฐบาลเพื่อไทย