การเมืองในสมรภูมิกรุงเทพฯ
การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในสมัยต่อไป กำลังเป็นที่จับตามองของคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อผู้ว่าฯ คนปัจจุบัน ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กำลังเผชิญกับแรงกดดันรอบด้าน ทั้งจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องผลงานที่อาจไม่เด่นชัด และจากกระแสความนิยมที่ต้องรักษาไว้ให้ได้ ท่ามกลางคู่แข่งที่เริ่มเผยตัวออกมาอย่างต่อเนื่อง
จากผู้สมัครอิสระที่ได้รับคะแนนเสียงสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (1,386,215 คะแนน) ในปี 2565 วันนี้ ชัชชาติเดินทางมาถึงช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุด เมื่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. รอบใหม่กำลังจะมาถึง และความคาดหวังของประชาชนก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อ “ผลงาน” กลายเป็นคำถามสำคัญ
ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง นายชัชชาติได้เดินหน้าพัฒนาโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น การปรับปรุงระบบขนส่งสาธารณะ, การบริหารจัดการน้ำท่วม, การเพิ่มพื้นที่สีเขียว และการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน แต่คำถามที่สำคัญก็คือ เพียงพอหรือไม่?
แม้ว่าแอปพลิเคชัน “Traffy Fondue” ที่ใช้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน จะสามารถแก้ปัญหาไปแล้วกว่า 200,000 เรื่องจาก 300,000 เรื่อง แต่ปัญหาโครงสร้างขนาดใหญ่ เช่น รถติด น้ำท่วม ความปลอดภัยในเมือง และเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น ยังคงเป็นหัวข้อที่ประชาชนหลายคนรู้สึกว่ายังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเต็มที่
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่สำคัญคือ “ทำไมยังไม่มีโครงการที่เป็นรูปธรรมมากกว่านี้?” ซึ่งอาจเป็นจุดอ่อนที่คู่แข่งทางการเมืองสามารถใช้โจมตีได้
คู่แข่งที่พร้อมเปิดศึก
การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งใหม่ จะไม่ใช่สนามที่ง่ายสำหรับชัชชาติอีกต่อไป เพราะเริ่มมีข่าวลือเกี่ยวกับคู่แข่งที่อาจเข้ามาท้าทาย เช่น ผู้แทนจากพรรคการเมืองใหญ่ หรืออดีตข้าราชการระดับสูงที่มีฐานเสียงแข็งแกร่ง
แม้ว่าชัชชาติจะมีจุดแข็งเรื่องภาพลักษณ์ของ “ผู้ว่าฯ นักปฏิบัติ” ที่ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง แต่การเมืองก็ไม่ใช่เรื่องของภาพลักษณ์เพียงอย่างเดียว หากไม่มีผลงานที่จับต้องได้ คู่แข่งก็สามารถใช้เป็นจุดอ่อนในการหาเสียงได้
เดิมพันของชัชชาติ: จะสู้ด้วยอะไร?
ในศึกครั้งสุดท้ายนี้ ชัชชาติจะต้องแสดงให้ประชาชนเห็นว่าเขาไม่ใช่แค่ผู้ว่าฯ ที่ทำงานหนัก แต่ต้องเป็น ผู้นำที่มีผลลัพธ์ชัดเจน สิ่งที่เขาต้องทำในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งคือ
1. เร่งผลักดันโครงการใหญ่ – ไม่ใช่แค่โครงการเล็ก ๆ แต่ต้องมี “Flagship Project” ที่สามารถเปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ ได้จริง เช่น ระบบขนส่งอัจฉริยะ หรือโครงการที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเมือง
2. เคลียร์จุดอ่อนเรื่องน้ำท่วมและจราจร – ปัญหาเหล่านี้เป็นสิ่งที่กระทบต่อคนเมืองโดยตรง ถ้าหากไม่มีแนวทางที่ชัดเจน จะกลายเป็นจุดอ่อนสำคัญ
3. สร้างฐานเสียงจากประชาชนและภาคธุรกิจ – ต้องดึงพลังของประชาชนที่เคยสนับสนุนเขาให้กลับมา และต้องสร้างความมั่นใจให้ภาคธุรกิจว่า กรุงเทพฯ ภายใต้ชัชชาติจะสามารถพัฒนาได้
สงครามครั้งสุดท้าย: จะปิดฉากอย่างไร?
การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งต่อไป ไม่ใช่แค่การเลือกตั้งธรรมดา แต่จะเป็น บทพิสูจน์ของชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าเขาสามารถนำพากรุงเทพฯ ให้ไปสู่อนาคตที่ดีกว่าได้หรือไม่
หากเขาสามารถเร่งสร้างผลลัพธ์ที่ชัดเจน และแสดงให้ประชาชนเห็นว่าเขายังคงเป็น “ผู้ว่าฯ ที่ประชาชนไว้วางใจ” เขาอาจสามารถรักษาเก้าอี้ของเขาได้อีกสมัย
แต่ถ้าหากเขาไม่สามารถตอบคำถามเรื่องผลงานได้ชัดเจนพอ กรุงเทพฯ อาจได้ผู้ว่าฯ คนใหม่ที่มาพร้อมกับแนวทางการพัฒนาเมืองที่แตกต่างออกไป
ศึกครั้งนี้… ไม่ได้มีแค่ชื่อของชัชชาติเท่านั้นที่เป็นเดิมพัน แต่ยังรวมถึงอนาคตของกรุงเทพมหานครด้วย
…..
#Thepoint #Newsthepoint
#ชัชชาติ #ผู้ว่ากทม #เลือกตั้งผู้ว่ากทม
#ผลงานชัชชาติ