เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงผลการหารือร่วมกับ นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า นายหลิว ได้แจ้งถึงการเดินทางเยือนเมียนมาและได้พบกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยของเมียนมา และย้ำถึงแนวทางการทำงาน ว่าเคารพอธิปไตยของไทย และกฎหมายท้องถิ่น หรือกฎหมายภายในประเทศไทย และขอโทษที่ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ว่าเป็นการเข้ามาในลักษณะรุกล้ำอธิปไตยของไทยหรือไม่ ซึ่งอาจจะเป็นความมุ่งมั่นของทางการจีนที่มากเกินไป ด้วยความเป็นห่วงพลเมืองของจีน จึงอาจทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันบ้าง
นายภูมิธรรม ยืนยันว่า ทั้งไทยและจีนจะร่วมมือกันแก้ไขปัญหา ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ โดยอยากเห็นกลไกไตรภาคีเกิดขึ้น และทำให้กลไกนี้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น โดยเชื่อมั่นว่าทั้งไทยจีนและเมียนมา จะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้กลไกไตรภาคี เพื่อเดินหน้าแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ
นายภูมิธรรม ย้ำว่า นายหลิว จงอี ได้ยื่น 4 ข้อเสนอ โดยเรื่องแรกคือ การเสริมสร้างกลไกไตรภาคี โดยต้องการให้เห็นผลเป็นรูปธรรม โดยให้ไทยเป็นเจ้าภาพในการประสานงาน โดยได้ยืนยันกับทางจีนว่า ไทยเห็นพ้องต้องกัน และเชื่อว่ากลไกไตรภาคี สามารถแก้ไขปัญหาได้ ซึ่งหากไม่มีเรื่องใดคาดเคลื่อน คาดว่าจะสามารถประชุมได้ในสัปดาห์หน้า โดยขณะนี้ให้กระทรวงกลาโหมประสานกับกระทรวงการต่างประเทศแล้ว
นอกจากนี้ทางการจีนยังเสนอเรื่องการส่งตัวพลเมืองคนจีน ที่ประสบภัยในครั้งนี้ ซึ่งอาจจะมีกลุ่มคอลเซ็นเตอร์รวมอยู่บ้าง โดยจะขอให้ส่งตัวกลับ ซึ่งในขั้นต้น มีชาวจีนอยู่ที่ชายแดนแล้วประมาณ 600 คน โดยจะส่งกลับเฉลี่ยวันละ 200 คน ในลักษณะ 3 วันครั้งจนครบทั้งหมด โดยขอใช้ไทยเป็นทางผ่าน โดยใช้สนามบินแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งเป็นไปตามแม่สอดโมเดล เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา
โดยจะเป็นการส่งเฉพาะหน้า 600 คนไปก่อน ส่วนหากจะทำอะไรมากกว่านี้หรือเปลี่ยนแปลง ต้องขึ้นอยู่กับความพร้อม และความร่วมมือกัน ซึ่งทั้งหมดจะใช้วิธีเจรจาไตรภาคี โดยไทยย้ำในเงื่อนไขว่า การส่งคนจีนกลับผ่านทางประเทศไทย จะต้องผ่านกระบวนการคัดกรอง และประสานงาน โดยเป็นการส่งตัวกลับทันที และยืนยันว่าจะมีการตรวจสอบตามสภาพที่เกิดขึ้นจริง และหากพบเครือข่ายที่เกี่ยวโยง กับประเทศไทย ทางจีนก็จะส่งข้อมูล มาให้เพื่อร่วมมือกันแก้ไขปัญหาแบบขุดรากถอนโคน
ขณะที่เรื่องที่ 3 อยากให้ไทยคงมาตรการ ตัดไฟฟ้า สัญญาณอินเตอร์เน็ต และงดส่งน้ำมันเชื้อเพลิง ต่อเนื่องต่อไป เพราะเชื่อว่าได้ผลมาก ในการกดดันขบวนการ คอลเซ็นเตอร์ โดยไทยได้ยืนยันไปว่าตั้งใจที่จะใช้มาตรการนี้ ต่อไปจนกว่าจะพิสูจน์ทราบให้เห็นว่า ขบวนการคอลเซ็นเตอร์หมดไป ซึ่งอาจจะชี้ชัดได้ยากแต่ก็จะดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน
ส่วนที่จีนมีข้อกังวลว่าอาจจะมีการลักลอบผ่านตู้คอนเทนเนอร์ขนสินค้าข้ามแดน นายภูมิธรรมยืนยันว่าขบวนการตรวจสอบเป็นไปตามขั้นตอนของศุลกากร และหากจีนจะสนับสนุนเครื่องมือเอ็กซ์เรย์ ไทยก็ยินดีที่จะตรวจเพิ่ม
เพื่อการเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจ ซึ่งก็จะนำไปหารือในไตรภาค เพราะขณะนี้ไทยใช้มาตรการซีลชายแดนอยู่แล้ว ในพื้นที่ 51 อำเภอติดต่อ และได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้มาตรการเด็ดขาดในการตรวจสอบ
ส่วนเรื่องสุดท้ายคือขอให้ไทยงดส่งเครื่องอุปโภคบริโภคทั้งหมดไปยังเมียนมา นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทางไทยเห็นว่าอาจส่งผลกระทบด้านมนุษยธรรมจนเกินความจำเป็น จึงคงไว้เฉพาะมาตรการ 3 ตัด
ขณะเดียวกัน นายภูมิธรรม ยังชี้แจงถึงขั้นตอนการส่งตัวชาวจีนกลับประเทศ ว่า หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจต้อนรับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จะเดินทางไปที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พร้อมกับนายหลิว จงอี และ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยของเมียนมา
โดยจะเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 บน.6 ในเวลา 15.00 น. ที่จะไปร่วมกันส่งชาวจีนเพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรม เพื่อไม่ให้เกิดดราม่าในเรื่องของการรุกล้ำประเทศไทย แต่ทั้งนี้ได้ยืนยันกับทางจีนว่า ยังไม่สบายใจที่จะให้ตั้งสำนักงานถาวรในไทย แต่อยากให้ใช้กลไกภาคี ซึ่งเป็นเหมือนคณะกรรมการร่วม โดยยืนยันว่าการพูดคุยในวันนี้เป็นข้อตกลงสุดท้ายในการส่งกลับคนจีนชุดแรก 600 คน
ส่วนชาวต่างชาติชาติอื่นที่ไม่ใช่จีนจะต้องมีการตรวจสอบในฝั่งเมียนมาให้เรียบร้อยและไทยก็พร้อมจะประสาน กับสถานทูตในประเทศนั้นๆ เพื่อส่งกลับตามขั้นตอน โดยจะไม่มีการนำชาวต่างชาติมาตกค้างในพื้นที่แม่สอด เพราะจะเป็นปัญหา
_____________
#Thepoint #Newsthepoint
#คอลเซนเตอร์ #จีนเทา #ขนคนจีนผ่านไทย
#ภูมิธรรม #แม่สอด