เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2567 หมออั้ม อิราวัต อารีกิจ อดีตนักร้อง และนักเคลื่อนไหวกิจกรรมทางการเมืองแนวร่วมม็อบราษฎร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุหัวข้อว่า “กฎหมายน่ารู้ววววววววว์” “มีคนหวังให้ทักษิณ โดนถอนการพักโทษ จากที่อัยการส่งฟ้อง112 แต่ไม่โดนจ้า เพราะเป็นคดีเก่าปี 2558 ไม่ใช่คดีที่เกิดระหว่างพักโทษ”
พร้อมแสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า จะไม่มีการโดนถอนพักโทษที่อัยการส่งฟ้องมาตรา 112 เพราะคดีดังกล่าว เป็นคดีที่นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีใต้ โดยพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2558 ไม่ใช่คดีที่เกิดขึ้นระหว่างการพักโทษ
ต่อมา มีผู้คนเข้ามาแสดงความเห็นมากมาย โดยมีผู้แสดงความเห็นไปในเชิงหวั่นกลัวว่า นายกทักษิณ จะหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศเหมือนอย่างที่เคยทำมา อยากให้นายทักษิณกลับเข้าสู่กระกวนการยุติธรรม และเมื่อศาลตัดสินแล้วจะไม่ได้รับโทษหรือไม่ได้รับโทษ ก็อยากให้เป็นไปตามนั้น หากต้องรับโทษจำคุกก็อยากให้เข้ารับโทษจริง ไม่อยากให้มีข้ออ้างใด ๆ จนหลุดพ้นโทษอีก
รวมถึงมีเข้ามาแสดงเห็นไปในทางเดียวกันว่า ทักษิณ ชินวัตรคงไม่หนีคดี เนื่องจากคดีดังกล่าว เป็นคดีที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร ในกรณีนี้คือ การให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีใต้ โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้เข้ามาให้ความรู้เรื่องกระบสนการทางกฎหมายเพิ่มเติม โดยคดีนี้มีอัยการในฐานะพยานแผ่นดินเป็นโจทก์ เมื่อมีคำสั่งฟ้องและส่งตัวไปที่ศาส ศาลจะถามจำเลยว่า จะรับหรือปฏิเสธคำฟ้องของโจทก์หรือไม่ ซึ่งในขั้นตอนนี้ถ้าปฏิเสธข้อกล่าวหา ก็สามารถขอประกันตัวเพื่อสู้คดีต่อไป
นอกจากนี้ยังคิดว่า บทสัมภาษณ์ที่นายทักษิณได้ไปสัมภาษณ์มานั้นไม่คิดว่ามีจุดไหนที่เป็นการพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์เลย
ทั้งนี้ ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ก็ให้ความเห็นไปในทางเดียวกันว่าเมื่อศาลตัดสินแล้วจะมีหมายศาลคุมขังมา ส่วนเรื่องกระบวนการทางกฎหมายนั้นเป็นหน้าที่ของตำรวจ ในคดีที่นายทักษิณถูกฟ้องเป็นคนละส่วนกัน
ภายหลังมีคำพิพากษา กระทรวงยุติธรรมจึงจะเข้าไปรับผิดชอบ ซึ่งการทำงานของกระทรวงยังยึดหลักว่าตราบใดที่ศาลยังไม่พิพากษาก็ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการทางกฎหมาย ซึ่งยังไม่มีผลสรุปออกผลมาอย่างแน่ชัด ศาลจะเป็นผู้ตัดสินว่าคดีนี้จะจบลงอย่างไร ซึ่งคดีดังกล่าวถือเป็นคดีที่ยืดเยื้อมาอย่างยาวนาน เนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี 2558 ขณะนี้ 15 ปี แล้วที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น