เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่มีนักวิชาการออกมาแสดงความเป็นห่วงข้าวหอมมะลิในโครงการรับนำจำข้าว อาจมีสารปนเปื้อนทำให้เกิดมะเร็งได้ว่า ตนได้พิสูจน์ให้เห็นในขั้นตอนแรกว่า สภาพกายภาพข้าวยังอยู่ดี แม้สีจะเปลี่ยนไปบ้าง คุณภาพไม่เหมือนข้าวใหม่ แต่สามารถรับประทานได้ จึงขออย่าดรามาหากใครต้องการจะตรวจสอบสามารถมาตรวจสอบได้ และในการตรวจพิสูจน์ดังกล่าว ก็มีทั้งสื่อมวลชน ข้าราชการ รวมถึงเซอเวย์เยอร์ ที่เป็นผู้ลงทะเบียนตรวจข้าวไปต่างประเทศที่ต่างชาติยอมรับตามมาตรฐาน รวมถึงผู้ส่งออก และโรงสีต่าง ๆ ที่มั่นใจว่า สามารถทำได้ และพร้อมประมูล ซึ่งในกระบวนการส่งออก เอกชนมีขั้นตอนในการปรับปรุงข้าว
เมื่อถามย้ำว่า จำเป็นจะต้องให้สาธารณสุข หรือนักวิชาการใด ๆ ตรวจสอบเพิ่มเติมหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ให้เป็นไปตามกระบวนการ เพราะการวิจารณ์เพียงอย่างเดียวไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ กับข้าวกว่า 150,000 กระสอบ พร้อมยืนยันว่า ตนเองไม่ได้ท้าทายใคร เพียงแต่ต้องการพิสูจน์ที่ตนควรจะทำ เพื่อเตรียมเปิดประมูลให้ได้ราคาในช่วงต้นเดือนมิ.ย.นี้ และหากยังดรามากันไม่จบก็กังวลว่า จะไม่สามารถประมูลได้
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอให้เชื่อว่า ประเทศที่รับซื้อ หรือผู้ค้า-ผู้ส่งออก เจ้าของโรงสี ไม่นำข้าวเน่าไปขายแน่นอน และหากจะขายต้องมั่นใจ มิเช่นนั้น ขายไปแล้วก็จะไม่มีใครมาซื้ออีก และประเทศที่รับซื้อ ก็จะต้องตรวจสอบรับอย่างเต็มที่ จึงขออย่าดรามาไปมากกว่านี้ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ตนก็เคารพ เพราะตนได้ทำตามขั้นตอนกระบวนการแรกเสร็จสิ้นแล้ว
ถามอีกว่า ข้าวดังกล่าวจะประมูลเพื่อการส่งออกเพียงอย่างเดียว หรือประมูลเพื่อจำหน่ายบริโภคในประเทศนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ส่งออกอย่างเดียวก็ไม่พอแล้ว โดยเฉพาะในตลาดแอฟริกา 15,000 ตัน จึงจะต้องเป็นการประมูลยกกองทีเดียว ไม่แบ่งขายในประเทศหรือนอกประเทศ
นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงกรณีที่เคยมีผู้ชนะการประมูลข้าวดังกล่าวไปแล้ว แต่ไม่มานำข้าวออกไปว่า เกิดขึ้นจริง 4-5 ครั้งแล้ว เพราะราคาข้าวในครั้งนี้สูงมาก เมื่อประมูลแล้ว ราคากลับตก หากรับไปก็จะต้องขาดทุน ดังนั้น จึงเกิดการฟ้องร้องกัน โดยองค์การคลังสินค้า ยังอยู่ระหว่างการฟ้องร้อง จึงยืนยันว่า ที่ผู้ประมูลทิ้งข้าว ไม่ใช่เพราะข้าวเน่า แต่เพราะราคาข้าวในปีดังกล่าวตก และการประมูลในครั้งนี้ ตนก็จะเขียนกฎเกณฑ์ให้ชัดเจนให้ผู้ที่ให้ราคาสูงสุด 5 อันดับแรก มีสิทธิชนะการประมูลข้าว เผื่อกรณีที่มีผู้สละสิทธิ์ และสามารถไปตรวจสอบคุณภาพข้าวก่อนได้ ซึ่งข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวนี้ ไม่มีค้างข้างสต๊อกในโครงการรับจำนำข้าวแล้วและโกดังดังกล่าวที่ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ ก็เป็นเพียง 2 โกดังสุดท้ายที่เหลือ
เมื่อถามว่า มีการประเมินเบื้องต้นหรือไม่ว่าข้าวในโกดัง ดังกล่าวหากประมูลแล้วจะมีมูลค่าประมาณเท่าไหร่ นายภูมิธรรม กล่าวว่าตอนนี้ราคาข้าวอยู่ที่ 30 กว่าบาท ประมาณว่าสักครึ่งก็อยู่ที่ 15 บาท เป็นการประเมินให้เข้าใจภาพเท่านั้นสุดท้ายประมูลที่เท่าไหร่ก็ต้องไปดู เพียงแต่ตนประเมินว่าครึ่งหนึ่งก็น่าจะได้ ส่วนจะเปิดซองเมื่อไหร่นั้น ถ้าให้ตนคาดแต่ถึงเวลาอย่ามาบอกว่าไม่ทำนะ ตนว่าต้นมิ.ย.น่าจะทำได้ แต่ทุกอย่างต้องยุติก่อนถ้ายังมีคนตั้งคำถามมั่นเน่ามันเสียจะประมูลได้อย่างไร และสุดท้ายคนจะประมูลเขาก็ต้องตรวจสอบอยู่แล้ว และเราตั้งใจขายข้าวให้ได้ข้าวมาตรฐานโดยจะเปิดประมูลขาย ซึ่งเราทดสอบเบื้องต้นให้คนที่เกี่ยวข้องมาดูก็บอกว่าน่าจะทำได้ และเวลาประมูลก็ต้องมีกรรมการขึ้นมาประกาศตนไม่คิดจะล็อกให้ใคร ใครก็ได้ที่ประมูลได้เวลาสูงสุด รอดูตอนนั้นดีกว่า เมื่อถามว่าการประมูลที่เกิดขึ้นจะเป็นการส่งออกหรือขายในประเทศ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ส่งออกก็ไม่พอแล้ว ตลาดแอฟริกาก็ไม่พอเราถึงจะประมูลยกกองเอาไปทีเดียวจะได้จบให้มาแบ่งขายมันมีงานยังต้องทำอีกเยอะ