เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2567 ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบ.ชก.ในฐานะรองหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีเว็ปพนันออนไลน์ “มินนี่” เปิดเผยว่า วานนี้ (21 ก.พ.) พล.ต.อ.ธนา ชูวงษ์ รอง ผบ.ตร.ลงความเห็นให้แต่งตั้งตนเป็นโฆษกชี้แจงในคดีดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนทราบว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทำอะไรไปบ้าง และจะทำอะไรต่อ
ในส่วนของการสอบสวนเรื่องนี้เป็นเรื่องของคณะกรรมการสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่เกี่ยวกับตำรวจสอบสวนกลาง การตั้งคณะพนักงานสอบสวน ผบ.ตร.เป็นคนตั้ง อำนาจการสอบสวนเป็นอำนาจของคณะสอบสวน ผมเป็นเจ้าหน้าที่ที่คณะตั้งมาเพื่อสอบสวนเรื่องดังกล่าว เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย มีอำนาจมีหน้าที่ จะเป็นพนักงานสอบสวนคนใดก็ได้ที่ได้รับมอบหมายมาดำเนินการก็สามารถดำเนินการแทนหัวหน้าได้
เมื่อถามถึงประเด็นที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ระบุว่า คดีที่มีมูลค่า 300 ล้านขึ้นไปตำรวจไม่มีสิทธิ์ดำเนินการต้องให้ดีเอสไอรับผิดชอบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า ต้องเรียนว่าคดีนี้เงินที่เข้ามา 200 กว่าล้าน หรือ 300 ล้าน มันมาจากหลายเว็ป เว็ปแรกมาจากเว็ปของมินนี่มีตัวเงินประมาณ 2-3 หลัก 70 กว่าล้าน และยังมีเว็ปอื่นอีกที่เรากำลังสืบสวนพบเส้นเงินรวมกันแล้ว 200-300 ล้าน คนละเรื่อง คนละกรณีไม่ใช่เคสของมินนี้คนเดียว ยืนยันว่ายังเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะพนักงานสอบสวน จริงๆไม่อยากจะพูดอยากจะพูดในศาล ศาลเท่านั้นที่จะบอกได้ว่าผิดหรือถูก ไม่ต้องเอาไปที่ดีเอสไอ หรือที่ ปปช.เพราะยังไงก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเหมือนกัน ในการตรวจสอบของกรม เมื่อคดีมาก็เข้าสู่ศาลทุจริตเหมือนกัน มีการไต่สวนเหมือนกันไม่ได้แตกต่างกันเลย
ถามถึงกรณีที่ รอง ผบ.ตร.ระบุว่า ตำรวจต้องการดึงคดีกลับมาดำเนินการเอง รอง ผบช.ก.ตอบว่าที่ต้องการดึงคดีกลับมาเป็นเรื่องเดียวกัน แต่เจอผู้ต้องหาเพิ่มเติมในสำนวนที่ 2 และเป็นเรื่องของมินนี่ด้วยกัน ที่ส่งไปพร้อมความเห็นเป็นหนังสือฉบับเดียวกัน บอกว่า “ในการนี้ถ้าเห็นสมควรเพื่อประโยชน์ต่อรูปคดีในการสืบสวนสอบสวนต่อเนื่องจะขอความเมตตาโปรดส่งเรื่องนี้กับมาดำเนินการ” แต่ถ้าท่านไม่ให้ก็เป็นสิทธิ์ของ ปปช.ที่จะไม่ให้เราะเราจะไปก้าวล่วงอำนาจไม่ได้
เมื่อถามว่าเรื่องนี้เป็นการกดดัน ปปช.หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า ไม่ เพราะ ปปช.เขามีกระบวนการ วิธีการที่จะดำเนินการทุกเรื่อง ปปช.เขาเคยรับเรื่องใหญ่กว่านี้ เรื่องนี้เด็กๆ เมื่อถามต่อว่าศาลเขาให้น้ำหนักสำนวนของตำรวจหรือ สำนวน ปปช.เป็นหลัก เขาตอบว่า เดียวคดีก็ไปสู่ศาล จะไปบอกว่าศาลให้นำหนักฝั่งไหนอย่าไปพูดเลย ศาลมีความยุติธรรมอยู่แล้ว ไม่เอนเอียงเขามองกันที่พยานหลักฐานที่เข้าไป เมื่อถึงหน้าบัลลังก์สามารถนำพยานหลักฐานสู่ศาลก็หมือนกัน ให้ความสถิตยุตธรรมเท่ากันไม่มีมากน้อย
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าปกติคดีทั่วไปถ้าส่งไป ปปช.แล้วเขาจะส่งกลับมาให้ตำรวจทำต่อหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า เราจะไปบังคับท่านไม่ได้ ปปช.จะรับเองหรือส่งกลับมา แต่คดีนี้ต้องบอกว่าเป็นการสอบสวนต่อเนื่องทำมานาน ต้องสอบสวนพยานเพิ่มเติมเลยต้องขอกลับมา โดยระยะเวลาบางทีเป็นวัน บางทีเป็นเดือน บางทีหลายๆเดือนก็มีแล้วแต่กรณี
เมื่อถามถึงเส้นทางการเงินสามารถเชื่อมโยงไปถึงนายตำรวจระดับสูงหรือไม่ เขาตอบว่า อยากจะบอกไปยังทีมงานที่ถูกดำเนินคดี เราไปคุยกันในศาลดีกว่า ศาลจะให้ความเป็นธรรม เราไม่มีสาเหตุโกรธเคือง เราไม่มีการกลั่นแกล้ง ดำเนินการไปตามพยานหลักฐานที่มี ไม่ทำนอกเหนือหลักฐานที่มี ไม่ปักปรำ ขอให้มั่นใจในชุดสอบสวน โดยเฉพาะ พล.ต.อ.ธนา ชูวงษ์ รอง ผบ.ตร.เป็นคนตรงไปตรงมา ทำอะไรละเอียดรอบคอบ ไม่ต้องกลัวเราไม่ได้กลั่นแกล้งใคร นโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ผบ.ตร. ก็ให้ว่าไปตามตัวบทกฎหมาย ใครผิดก็รับไป ใครไปกลั่นแกล้งก็ถูกฟ้องร้อง
“ผมไม่เอาชีวิตราชการไปเสี่ยง อีก 6-7 ปี ก็เกษียณแล้วไม่เอาเรื่องไปพันหัว แต่จะทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด เราต้องการรักษาองค์กรให้ดีที่สุด ถ้ากลุ่มผู้ต้องหาไม่มาข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ข่มขู่ว่าจะฟ้อง ทำให้เจ้าหน้าที่หวั่นไหวหรือไม่มาทำร้ายองค์กร ทำร้ายพวกผมอย่างเดียวไม่เป็นไร แต่ถ้าทำร้ายองค์กรผมไม่ยอม จะเดินหน้าชนทุกรูปแบบ แต่จะชนด้วยหลักฐาน ด้วยความถูกต้อง โปรดอย่าทำร้ายองค์กร ทรยศองค์กรเหมือนที่ท่านทรยศเจ้านายมาแล้วหลายคน ยืนยันไม่มีการกลั่นแกล้งใคร ตรวจสอบประวัติได้ ไม่นิยมเรื่องการกลั่นแกล้ง
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่านายพลคนดังกล่าวบอกว่าทำไมโดนแต่เขาคนเดียวตั้งแต่ปลายปี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เผยว่าผมไม่รู้ว่าทำไมโดนกับเขา เขารู้ดีที่สุด ต้องขอบคุณน้องๆที่โดนคดีด้วย ที่เก็บพยานหลักฐานไว้ทุกขั้นตอนละเอียดยิบ สงสารน้องๆทุกคนที่เข้ามายุ่งในคดีนี้แล้วต้องพันไปด้วย ผมว่าเขาขึ้นเรือลำผิด ถ้าขึ้นเรือลำถูกเขาจะเจริญก้าวหน้า ผมไม่อยากทำร้าย เชื่อว่าลูกน้องกลุ่มนี้ต้องทำตามผู้บังคับบัญชาไม่กล้าบิดพริ้วแม้แต่เล็กน้อย ทำงานเป็นขั้นเป็นตอน ค่าใช้จ่ายต้องเป๊ะ เป็นการบันทึกข้อมูลการกระทำความผิดไว้ชัดเจนทุกขั้นทุกตอนทุกเดือน ส่วนนที่มีการฟ้อง “พล.ต.อ.” 2 ท่าน ก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะฟ้องใคร เราทำตามพยานหลักฐานไม่ได้แต่งเติมเสริมแต่งต่อเป็นงานถึงใคร ฟ้องไปแล้วศาลจะให้ความเป็นธรรมเรา ปล่อยไปตามกระบวนการ
ถามต่อว่านายพลคนดังกล่าวตั้งคำถามมีผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่ ให้ลูกน้องออกมาพูด เขาตอบว่าไม่มี ถึงจะมีไม่มีผมไม่รู้แต่ผมเข้าไปเห็นหลักฐานมีตำรวจเกี่ยวข้อง จึงร่วมไปด้วยบอกว่าจะไม่ปล่อยผ่านเอาให้เต็มที่สุดทาง ฟ้องก็ฟ้องไม่เป็นไร ถามต่อว่าเหตุให้หัวหน้าพนักงานสอบสวนที่เป็น “พล.ต.อ.” ทำไมไม่มาชี้แจงด้วยตนเอง เขาตอบว่า ท่านเป็นคนไม่ชอบให้ข่าว ชอบทำงาน มีความละเอียดในเนื้องานใครที่สามารถให้ข่าวรู้เรื่อง สื่อมวลชนมีความเชื่อถือคนที่เหมาะสมคือผม ในที่ประชุมยกมือยินยอมให้ตนเป็นโฆษก จริงแล้วไม่ยากมาเพราระมาเดียวก็โดนฟ้องอีก แต่เมื่อพี่น้องวทุกคนอยากให้มาก็มา เพราะถ้าไม่มาตำรวจมันแกว่งกลัวถูกฟ้อง ถูกขู่ทุกวันเราไม่สบายใจ เขาจะได้รู้ว่าเจ้านายไม่ละทิ้งปกป้อง เรื่องนี้ พล.ต.อ.ธนา ยืนยันว่าจะทำข้อมูลตรงไปตรงมาเชื่อมั่นในการทำงาน
ถามอีกว่า กังวลหรือไม่ถ้า ปปช.จะไม่ส่งสำนวนกลับคืนมาให้ตำรวจทำ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เผยว่า จะส่งไม่ส่งก็ไม่เป็นไรเพียงแต่ว่ถ้าส่งกลับมาคดีนี้มันจะจบเร็ว ถ้าไม่จบคนก็จะมองว่าเป็นการทะเลาะกันของคนในองค์กร อยากให้ตำรวจเอาเวลาไปทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนดีกว่า ตำรวจผิดก็ต้องว่าผิดจะไปบอกว่าถูกไม่ได้ ถ้าตำรวจชุดนี้ไม่ออกมาเผชิญหน้าแล้วใครจะกล้าออกมาทำคดี ผมคนหนึ่งที่ต้องโดนก่อนเขา โดนมากกว่าเขามันไม่สนุกที่ต้องมาต่อรองกับอะไรไม่รู้ที่แขวนอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ถามย้ำว่าจะสามารถเอาผิดกับตำรวจกลุ่มดังกล่าวได้หรือไม่ รองหัวหน้าคณะพรักงานสอบสวน ตอบว่า เราเชื่อมั่นในพยานหลักฐาน แต่สุดท้ายศาลจะเป็นคนตัดสินว่าใครผิดใครถูก ถ้าพวกผมผิดไปกลั่นแกล้งก็สามารถฟ้องร้องได้ ยืนยันว่ามั่นใจพยานหลักฐานที่เราตรวจค้นได้มันชัดเจนเพราะเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เป็นหลักฐานที่ถูกบันทึกไว้เราตรวจสอบทุกขั้นตอน เจ้าหน้าที่ยังทำงานอยู่ทุกวันถึงแม้สำนวนนี้ ปปช .จะไม่ส่งกลับมาให้ตำรวจทำแต่หลักฐานที่มีเชื่อว่า ปปช.สามารถชี้มูลความผิดได้ แต่ที่อยากนำกลับมาก็อยากให้จบเร็วๆ