เมื่อวันที่ 9 ม.ค.2567 เอเอฟพีรายงาน นายกรัฐมนตรีเอลิซาเบธ บอร์น ของฝรั่งเศส ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ทำการปรับคณะรัฐมนตรีตามแผนที่วางไว้
“วันนี้เอลิซาเบธ บอร์น ได้ยื่นหนังสือลาออกของรัฐบาลต่อประธานาธิบดีซึ่งได้ทำการอนุมัติให้ดำเนินการตามประสงค์” สำนักประธานาธิบดีฝรั่งเศสออกแถลงการณ์
หลังจากทำงานหนักเบื้องหลังมานาน กาเบรียล แอตทาล รัฐมนตรีศึกษาธิการวัย 34 ปี ก็กลายเป็นตัวเต็งที่จะมาสืบทอดตำแหน่งต่อจากบอร์น แม้จะยังไม่มีการเสนอชื่ออย่างเป็นทางการก็ตาม แต่ผลสำรวจพบว่าเขาเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีของรัฐบาลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
หากได้รับการแต่งตั้งตามคาด แอตทาลจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดและเป็นคนแรกที่เปิดเผยว่าเป็นเกย์ และจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 นับตั้งแต่ปี 2560 ภายใต้การนำของมาครง
นอกเหนือจากแอตทาลแล้ว ผู้ที่อาจได้รับเลือกเป็นนายกฯคนต่อไป ได้แก่ เซบาสเตียน เลอคอร์นู รัฐมนตรีกลาโหมวัย 37 ปี และจูเลียน เดอนอร์มังดี อดีตรัฐมนตรีเกษตรวัย 43 ปี
นักวิเคราะห์ต่างมองว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นสิ่งจำเป็นในการกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสายกลางของมาครงอีกครั้งในช่วง 3 ปีสุดท้าย และป้องกันไม่ให้เขากลายเป็นผู้นำ “เป็ดง่อย” หลังจากเกิดวิกฤติหลายครั้ง
นับตั้งแต่มาครงเอาชนะฝ่ายขวาจัดและครองตำแหน่งผู้นำประเทศเป็นสมัยที่ 2 ในปี 2565 เขาต้องเผชิญกับการประท้วงรุนแรงเรื่องการปฏิรูปเงินบำนาญที่ประชาชนไม่เห็นด้วย, การสูญเสียเสียงข้างมากในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภา รวมทั้งความขัดแย้งเรื่องกฎหมายคนเข้าเมือง
บอร์นวัย 62 ปี ซึ่งเป็นผู้หญิงคนที่สองที่เป็นผู้นำรัฐบาลฝรั่งเศส ได้ฝ่าฟันปัญหาเหล่านี้มาได้ แต่หลายฝ่ายก็คาดไว้ว่าเธอไม่น่าจะอยู่ในตำแหน่งได้นาน
ภายใต้ระบบการปกครองของฝรั่งเศส ประธานาธิบดีเป็นผู้กำหนดนโยบายทั่วไป และนายกรัฐมนตรีมีหน้าที่รับผิดชอบการจัดการรัฐบาลในแต่ละวัน ซึ่งหมายความว่าฝ่ายปฎิบัติการมักรับเคราะห์ หากฝ่ายบริหารพบกับความวุ่นวาย
ก่อนหน้านี้มีการคาดเดากันว่าจะมีการประกาศปรับคณะรัฐมนตรีเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว แต่ไม่มีข่าวใดๆ ออกมาในช่วงสุดสัปดาห์ โดยมีรายงานว่า มาครงกำลังเก็บตัวอย่างสันโดษที่บ้านพักลา แลนแตร์น ในบริเวณพระราชวังแวร์ซายส์ เพื่อชั่งน้ำหนักตัวเลือกคณะทำงานชุดใหม่ของเขา