หน้าแรกการเมือง'เศรษฐา' ลีลาการเมืองแพรวพราว 'จตุพร' ชี้ ตีเนียนลาพักร้อน ไม่อยากยุ่งเกี่ยวมติราชทัณฑ์เปลี่ยนบ้านเป็นคุก

‘เศรษฐา’ ลีลาการเมืองแพรวพราว ‘จตุพร’ ชี้ ตีเนียนลาพักร้อน ไม่อยากยุ่งเกี่ยวมติราชทัณฑ์เปลี่ยนบ้านเป็นคุก

นาย จตุพร พรหมพันธ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวในรายการ ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “พังเอง!!”เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2566 ว่า นายเศรษฐา ลาพักร้อนเป็นช่วงตั้งแต่การประชุม ครม.วันที่ 19 ธ.ค. จึงน่าจับตาอย่างยิ่ง เพราะคาบเกี่ยวกับนักโทษชั้น 14 อยู่ รพ.ตำรวจครบ 120 วันในวันที่ 22 ธ.ค. 66 ซึ่งกรมราชทัณฑ์ต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับรู้กันตามลำดับ ตั้งแต่กรมราชทัณฑ์ ไปถึงปลัดกระทรวง กระทั่งไปสู่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้รับทราบด้วย

อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตว่า ก่อนถึง 22 ธ.ค. 66 หรือก่อนอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจครบ 120 วันคณะกรรมการที่รองอธิบดีราชทัณฑ์เป็นประธานตามระเบียบราชทัณฑ์ให้คุมขังนอกเรือนจำ อาจมีมติให้นักโทษทักษิณ เปลี่ยนจากคุกไปอยู่บ้านได้ เพราะกรมราชทัณฑ์ต้องหลีกเลี่ยงรายงาน 120 วันก็เป็นได้ ดังนั้น นายกฯ จึงลาพักร้อนในช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวเช่นนี้ คงไม่ต้องการรับรู้รับทราบการรายงาน 120 วัน และมติให้เปลี่ยนจากคุกไปอยู่บ้านก็ได้

“จังหวะและช่วงเวลาลาพักร้อน (19-24 ธ.ค.) ของนายกฯ จึงไม่ธรรมดา จัดเป็นลีลาการเมืองแพรวพราว เพราะคงไม่ต้องการรับรู้การตัดสินใจให้ทักษิณ เปลี่ยนจากคุกไปเป็นคุมขังอยู่บ้านได้เฉลิมฉลองวันปีใหม่ ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า คงเป็นดีลหนึ่งในยุทธการฟ้าใสให้กลับบ้าน ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วประชาชนจะว่าอย่างไร”

นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้ประชาชนจะยอมให้กระบวนการยุติธรรมถูกกระทำย่ำยีจนสูญสิ้นความยุติธรรมกันหรือเปล่า เพราะต่อไปคำพิพากษาของศาลจะไม่มีความหมายในคดีทุจริตคอร์รัปชัน เนื่องจากระเบียบราชทัณฑ์ได้เปิดประตูให้คุมขังนอกเรือนจำได้

“อะไรก็ตามถ้าไม่เดินตรงไปตรงมา ย่อมมีร่องรอยทิ้งไว้ให้เห็นเส้นทางทั้งหมดว่ามีเป้าประสงค์เช่นไร (กับการเร่งรีบออกระเบียบราชทัณฑ์เมื่อ 6 ธ.ค. 66) อย่างไรก็ตาม (นักโทษทักษิณ) ถ้าอยู่ในเรือนจำสามารถให้เหตุผลล้นคุกได้ แต่อยู่ รพ.จึงไม่เข้าเหตุเป็นนักโทษล้นคุก”

นายจตุพร กล่าวว่า ในสถานการณ์การเมืองขณะนี้ ถ้านักโทษทักษิณ มีความมั่นใจในการกระทำก็ไม่ว่ากัน แต่ที่ผ่านมา ทักษิณ ได้ผ่านความมั่นใจแบบสุดๆ จนให้ออกนิรโทษกรรมสุดซอยมาแล้วยังไปไม่รอด แล้วเมื่อถึงบทจะเลี้ยวก้ทิ้งมวลชน ไปสมคบคิดกับกลุ่มอำนาจ โดยมีเหตุการณ์ยึดอำนาจปี 57 เป็นบทเรียนการสมประโยชน์อำนาจกัน โดยสมคบกำจัดเบี้ยที่ชุมนุมถนนอักษะจนสิ้นซาก

อีกทั้งกล่าวว่า การเมืองที่ผ่านมา ล้วนเป็นการแสดงละคร ส่วนนักการเมืองแค่คนรับสั่งให้เล่นไปตามบทที่กำหนดไว้เท่านั้น แล้วสุดท้ายฝ่ายอำนาจเบื้องหลังก็สมคบคิดแลกเปลี่ยนบทบาทกันเล่น เพื่อกำจัดเบี้ยที่จะเป็นขวากหนามกันเรื่อยมา กระทั่งมาถึงยุทธการดีลฟ้าใสให้กลับบ้าน และสว.โหวตได้นายเศรษฐา เป็นนายกฯ

Thepoint #Newsthepoint

จตุพร #เศรษฐา #ระเบียบราชทัณฑ์ให้คุมขังนอกเรือนจำ

Must Read

Related News

- Advertisement -