เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2566 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ในรายการ “กรรมกรข่าว คุยนอกจอ” ที่มีสรยุทธ สุทัศนะจินดา และไบรท์ พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ เป็นผู้ดำเนินรายการ หลังจากนายธนาธรได้เปิดบรรยายสาธารณะ ในหัวข้อ “ประเทศไทยควรได้อะไร ? หากต้องใช้ 5 แสนล้านบาท” เมื่อวันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
นายธนาธรกล่าวตอนหนึ่งว่า สำหรับตนพรรคเพื่อไทยคือมิตร แม้จะอยู่คนละฝ่าย และประเทศไทยในอนาคตจำเป็นต้องมีพรรคการเมืองแบบเพื่อไทยและพรรคก้าวหน้า และยินดีจะไปแชร์ข้อมูลเรื่องการใช้เงิน 5 แสนล้าน ที่ตนคิดโครงการขึ้นมา เช่น โครงการน้ำประปาดื่มได้ และการแก้ปัญหาระบบจัดการขยะทั่วประเทศ
นายธนาธรยอมรับว่าตนไม่เห็นด้วยกับการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท และหากจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาหนี้ครัวเรือน ต้องทำให้คนมีรายได้ สร้างความมั่นคงในการสร้างงาน และสร้างอุตสาหกรรมให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันได้
นายธนาธรยืนยันว่า “ผมคิดว่าพันธมิตรระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลจะเป็นพันธมิตรทำให้ประเทศก้าวหน้าที่สุดและกลับมาเป็นประชาธิปไตย ผมเชื่ออย่างนั้น กลับไปดูที่ผมพูดเมื่อวาน ผมไม่ได้พูดถึงพรรคเพื่อไทยเลย เราพยายามเสนอสิ่งที่เราอยากจะทำ ไม่รู้คนอื่นคิดอย่างไร แต่พรรคเพื่อไทยคือมิตรสำหรับผม แม้จะอยู่คนละฝั่งก็ตาม เพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราเป็นฝ่ายค้าน ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน”
“ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกเสียใจและเจ็บปวดที่สุดที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลกับเรา เราก็รู้สึกเจ็บปวดและเสียใจ แต่ผมเข้าใจข้อจำกัดของพรรคเพื่อไทย ดังนั้น ถึงแม้จะเสียใจโอกาสของประเทศ เสียดายที่ไม่ได้เอาแนวคิดเราไปบริหาร แต่สำหรับผม เพื่อไทยคือมิตร และทางออกที่จะทำให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าต้องมี 2 พรรคนี้ ฝากถึงเพื่อนในพรรคก้าวไกลและแกนนำพรรคเพื่อไทยด้วย อนาคตของประเทศไทยอยู่ในมือคุณทั้งสอง”
ในช่วงหนึ่งพิธีกรถามถึงการไปพบกับนายทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกง ในช่วงการจัดตั้งรัฐบาล ก่อนที่พรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำว่า โดยยอมรับว่าไปพบกับนายทักษิณจริง ส่วนเรื่องที่คุยกันนั้น นายธนาธรระบุว่า “เป็นปกติที่เราพบปะพูดคุยกับนักการเมืองทั่วไป คุยเรื่องชีวิต เช่น ชีวิตมีหลานแล้วเป็นอย่างไรบ้าง แต่ไม่ได้ไปต่อรองเรื่องจัดตั้งรัฐบาล เพราะตนเองไม่มีตำแหน่งในการเมือง และก็อาจจะโดนยุบพรรคถ้าไปต่อรอง”
นายธนาธรระบุว่า “วันนี้ผมภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่เห็นพรรคก้าวไกลเติบโต โดยไม่มีธนาธรและปิยบุตร (ปิยบุตร แสงกนกกุล) ภูมิใจมาก และอยากให้เป็นแบบนั้น ซึ่งมันทำให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลเป็นสถาบันการเมือง ไม่ใช่เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง ผมอยากให้เป็นแบบนั้น ผมคิดว่าทำให้พรรคมีสุขภาพทางการเมืองที่ดี คือไม่ใช่เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่พรรคของธนาธรและปิยบุตร แต่เป็นพรรคที่สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของร่วมกัน”
ทั้งนี้ วันนี้ถึงธนาธรยอมรับเป็นครั้งแรกว่าได้มีการพบกับทักษิณ ชินวัตร จริง ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2566 ซึ่งเป็นช่วงการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน 8 พรรค ที่พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ ได้มีการทำ MOU ร่วมกับเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล มีรายงานข่าวว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้เดินทางไปเจรจากับนายทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกง แต่ในเวลานั้นนายธนาธรและคณะก้าวหน้า ไม่ได้มีการชี้แจงหรือให้ช้อมูลเรื่องนี้แต่อย่างใด จนกระทั่งได้ตอบคำถามในรายการดังกล่าวในวันนี้เป็นครั้งแรก