วันที่ 1 พ.ย.2566 ที่ รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและส.ส.ของพรรคก้าวไกล เพื่อหาข้อยุติกรณีข้อกล่าวหา ส.ส.มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ 2 กรณี คือ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคก้าวไกล และนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ว่า ที่ประชุมพรรคและ ส.ส.ซึ่งมาประชุมจำนวน 128 คน เนื่องจากหลายคนติดภารกิจ ผลการพิจารณา ปรากฎว่า เห็นตรงกันว่าทั้ง 2 กรณีมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง ถือว่าขัดต่อวินัยพรรคขั้นร้ายแรง และอุดมการณ์ และคุณค่าของพรรค ซึ่งโทษสูงสุดคือให้พ้นจากสมาชิกพรรค รองลงมาคือ คัดสิทธิพึงมีและคาดโทษตามกรณี
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า โดยกรณี นายวุฒิพงศ์ มติของที่ประชุมร่วมให้ขับออกจากสมาชิกพรรค ส่วน นายไชยามพวาน เสียงส่วนใหญ่ 106 เสียง จาก 128 เสียงที่มาประชุม เห็นควรให้ขับออกจากพรรค แต่เสียงไม่ถึง 3 ใน 4 ของ ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ที่มีอยู่ คือ 116 เสียง จึงยังไม่สามารถมีมติให้ขับพ้นออกจากสมาชิกพรรคได้
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า แต่ที่ประชุมเห็นว่าควรตัดสิทธิ์พึงมีทั้งหมด และคาดโทษไปตลอดสมัยประชุมนี้ หากมีพฤติกรรมใดๆ เข้าข่าย คุกคามจะต้องให้พ้นจากสมาชิกพรรค
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ทางคณะกรรมการวินัยของพรรค จะแจ้งให้ผู้เสียหาย และผู้ร้องทราบมติของกรรมการบริหารและ มติของที่ประชุมในวันนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการขอให้ทั้ง 2 คนลาออก เพื่อเปิดทางเลือกตั้งใหม่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของทั้งสองคน บางครั้งการแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง เป็นเรื่องที่พึงทำ และผมเชื่อมั่นว่าแม้คนที่จะทำผิด หากแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง สังคมจะให้โอกาส และการรับผิดชอบทางการเมืองไม่จำเป็นต้องรอให้ข้อเท็จจริงยุติ อย่าไปคิดว่าการรับผิดชอบทางการเมืองเป็นการยอมรับผิด และจำเป็นต้องรอกระบวนการยุติธรรมให้สิ้นสุดอย่างเป็นทางการเท่านั้น ผมสนับสนุนหากผู้ที่ถูกกล่าวพร้อมที่จะแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เป็นมาตรฐานทางการเมืองที่ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีหลายคนมองว่าทางพรรคดำเนินการเรื่องนี้ช้า นายชัยธวัช กล่าวว่า ในบางกรณีอาจจะดูช้า ใช้เวลานาน แต่มีความจำเป็นจริงๆ เพราะบางทีกระบวนการสอบข้อเท็จจริง มีความซับซ้อนและต้องฟังอย่างรอบด้าน ไม่ใช่รับฟังข้อมูลจากผู้เสียหานอย่างเดียว ต้องให้ผู้ถูกกล่าวหาได้โต้แย้งอย่างเต็มที่ เมื่อได้ข้อมูลจากทั้งสองฝ่าย ยังต้องมีพยายานข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากทุกฝ่าย อย่างกรณี ส.ส.ปราจีนบุรี เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเราได้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากผู้เสียหาย ถือเป้นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของคณะกรรมการวินัย และคณะกรรมการบริหารพรรคอย่างมาก และมีผลต่อมติในที่ประชุมวันนี้เป็นอย่างมาก บางทีเราก็พยายามรวบรัดกระบวนการมากเกินไปไม่ได้ ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เมื่อได้ข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะวินิฉัย เราก็จะไม่รอช้า อย่างไรก็ตามยืนยันว่าพรรค จะต้องมีการปรับปรุงกระบวนการทั้งของคณะกรรมการวินัย และมาตรการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพมากขึ้น
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ทั้ง 2 กรณีนี้ กรรมการวินัยฯ ของพรรค กรรมการบริหารพรรค และที่ประชุมร่วมของ ส.ส. และกรรมการบริหารพรรค เห็นตรงกันว่ามีพฤติการณ์คุกคามทางเพศจริง และขัดต่อวินับพรรคขั้นร้ายแรง ซึ่งจะมีมาตรการล่งโทษหลายระดับ คือ โทษสูงสุดคือ ให้พ้นจากสมาชิกพรรค รองลงมาคือ ตัดสิทธิที่พึงมีทั้งหมด และคาดโทษ
“ในกรณี ของ นายไชยามพวาน แม้จะยังเป็นสมาชิกของพรรคก้าวไกลอยู่ แต่จำเป็นต้องออกมารับผิด ขอโทษ และมาเยียวยาผู้เสียหาย ความต่างของ 2 กรณีนี้ คือ มีหนึ่งกรณีที่เห็นตรงกันเกือบทั้งหมด คือมีการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่บทบาทตั้งแต่การเป็นว่าที่ ผู้สมัครของพรรค มาจนถึงการเมื่อเป็น ส.ส.แล้ว ยังมีการใช้อำนาจโดยมิชอบในการคุกคามทางเพศ และมีความพยายามที่จะใช้อำนาจของตน ในการปกปิดความปิดจนถึงปัจจุบัน”นายชัยธวัช กล่าว
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ทางพรรคได้ตั้งคณะทำงานชุดพิเศษขึ้นมา ที่มี น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) เป็นหัวหน้าคณะทำงานพิเศษเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงทางเพศ ที่จะปรับปรุงกระบวนการทั้งหมดภายในพรรค เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหานี้อีก ซึ่งรวมถึงการอบรมด้วย แต่ไม่ใช่การอบรมอย่างเดียว พรรคให้ความสำคัญต่อการไม่อดทน ต่อการคุกคามทางเพศอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องยอมรับว่าแม้โดยหลักการคนจะรับรู้ แต่ในทางปฏิบัติความเข้าใจของแต่ละคนไม่เท่ากันว่าอะไร คือ การคุกคามทางเพศ อะไรไม่ใช่การคุกคามทางเพศ
“กรณีที่เกิดขึ้นถึงเป็นบทเรียนภายในพรรค สำหรับส.ส. และผู้ปฏิบัติงานในพรรคทั้งหมด ว่าถ้าหากใช้บทบาทหน้าที่ หรืออำนาจของตนไปมีพฤติการณ์ในทางคุกคามทางเพศ แม้ว่า หลายคนจะมองว่าไม่ได้เกิดการบังคับขืนใจ ไม่ได้เกิดการปฏิเสธ หรือดูเหมือนจะเป็นการยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่ายแต่กรณีนี้จะชี้ให้เห็นว่าการยินพร้อมใจกันที่สองฝ่าย มันไม่เป็นการยิมยอมพร้อมใจอย่างแท้จริง หากอยู่ภายใต้ความสัมพันธ์ทางอำนาจที่ไม่เท่าเทียมกัน หากคนที่อยู่ในสถานะที่ให้คุณให้โทษกับผู้ใต้บังคับบัญชา หรือทีมงาน อันนี้เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่เท่าเทียม จะอ้างว่ายินยอมพร้อมใจไม่ได้ ซึ่งนี่ถือเป็นตัวอย่างของความละเอียดอ่อนที่คนในสังคมที่ไม่เท่ากัน”นายชัยธวัช กล่าว
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนยังไม่ได้มีการพูดคุยกับนายไชยามพวาน หลังจากที่มีมติที่ประชุมวันนี้ ก็ย้ำว่า ในที่ประชุมเสียงที่เห็นด้วยให้ขับคือ 106 เสียง ถือเป็นเสียงข้างมาก แต่ยังไม่ถึง 3 ใน 4 จึงยังไม่สามารถขับออกจากสมาชิกพรรคได้ ซึ่งที่ผ่านมา นายไชยามพวาน ได้พยายามโต้แย้งของกล่าวหา จึงเป็นอีกเงื่อนไขหนึ่งที่ ที่ประชุมวันนี้มีมติว่า นายไชยามพวาน จะต้องออกมายอมรับผิด ขอโทษ และเยียวยาผู้เสียหาย
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ทราบว่า 3 คนที่เข้าข่ายเป็นผู้เสียหาย ได้ลาออกจากทีมของ นายไชยามพวาน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเหตุให้คณะกรรมการบริหารพรรค และตนทราบเรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อทราบและได้ข้อมุลจำนวนหนึ่งว่า อาจจะเป็นเหตุต่อการคุกคามทางเพศ จึงแจ้งให้กรรมการวินัย ไปสอบข้อเท็จจริง โดยที่ในตอนแรกยังไม่มีผู้ร้องเลย