นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชนและอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “ตีเนียน” ว่า ย้ำให้พรรคเพื่อไทยประกาศให้ชัดเจนถึงการจับมือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า พรรคเพื่อไทยโดยผู้มีอำนาจทั้งอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวทักษิณ ชินวัตร และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค หรือทักษิณ ซึ่งเชื่อกันว่า เป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุดของพรรค ต้องแถลงให้ชัดจะจับมือกับ พล.อ.ประวิตรและ พปชร. หรือไม่ และเพื่อให้เกิดความเด็ดขาด น่าเชื่อมั่น และสังคมจะยอมรับ จึงเป็นวิธีการแก้ปัญหาได้ง่ายที่สุด
.
“แต่วันนี้ คนไม่มีบบทาทนำของเพื่อไทย เป็นแค่กองเชียร์กลับมาพูดว่า เลือกอิ๊ง ก็ต้องได้อิ๊งเป็นนายกฯ สิ จะไปได้ป้อม (พล.อ.ประวิตร) ได้ยังไง ดังนั้น ควรเอากันให้ชัดเลยว่า เพื่อไทยต้องการให้อุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ จริงหรือเปล่า ถ้าต้องการจริง ต้องเสนออุ๊งอิ๊ง เป็นแคนดิเดตนายกฯของเพื่อไทยเพียงคนเดียว”นายจตุพร กล่าว
.
นายจตุพร ระบุว่า พปชร.ก็ควรเสนอ พล.อ. ประวิตร คนเดียว ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แม้ยังไม่มีมติพรรคก็ควรเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ คนเดียว ขณะที่พรรคภูมิใจไทย(ภท.) ได้แถลงแล้วจะเสนออนุทิน ชาญวีระกูล หัวหน้าพรรค เช่นกันกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ก็เสนอจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ดังนั้น คำถามง่ายๆ คนที่มีอำนาจและบทบาทเต็มของเพื่อไทยต้องออกมายืนยันให้เป็นคำมั่นสัญญา ว่า แม้ผลเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร ก็ไม่มีวันไปจับมือกับ พล.อ.ประวิตร-พปชร.เด็ดขาด ซึ่งข้อกล่าวหาใดๆ ที่ตามมาจากคำถามนี้ย่อมเป็นที่ยุติ ไม่มีการพูดถึงต่อไป
.
นายจตุพร ระบุว่า ในทางการเมืองที่ผ่านมา พรรคการเมืองมักอ้างความจำเป็นมาเปิดช่องว่างหลบหลีกคำสัญญาที่ให้กับประชาชนเสมอ กรณีปี 2535 เป็นที่ชัดเจน เพราะ พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีต ผบ.ทบ. หัวหน้าทหาร จปร.รุ่น 5 สัญญาไม่เป็นนายกฯ แต่กลับอ้างความจำเป็นมาเป็นนายกฯ จนประชาชนออกมาต่อต้านรุนแรงถึงชีวิต เลือดเนื้อและการสูญหายของประชาชนจำนวนมาก
.
นายจตุพร กล่าวว่า ขยับมาอีกปี 2556 กรณีเพื่อไทยเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมที่เรียกว่า กฎหมายสุดซอยนั้น ในวาระแรกยังยึดมั่นให้นิรโทษฯ เฉพาะประชาชนที่ร่วมชุมนุมทางการเมือง แต่ถึงวาระสองกลับครอบคลุมถึงแกนนำ ผู้ใช้ ผู้บงการฆ่า และคดีทุจริต จึงเป็นการไม่รักษาคำมั่นสัญญา โดยอ้างเหตุความจำเป็น จึงต้องแลกด้วยความพินาศย่อยยับของประเทศมาถึงทุกวันนี้
.
“วันนี้ เดิมพันทางการเมืองของคนอายุ 78 ปี อย่าง พล.อ.ประวิตร คือ เป็นนายกฯ แต่กองเชียร์เพื่อไทยพยายามปั่นว่า เลือกอิ๊งต้องได้อิ๊งจะได้ป้อมได้อย่างไง ดังนั้น เพื่อไทยต้องประกาศแคนดิเดตคนเดียวคืออิ๊ง เลย แล้วแถลงยืนยันไม่จับมือกับ พล.อ.ประวิตรเป็นพันธะสัญญา เพราะวันหนึ่งถ้าไปจับมือกันภายหลัง ประชาชนจะออกมาขับไล่ ทวงความรับผิดชอบกับคำพูดได้” นายจตุพร ย้ำ
.
นายจตุพร เสนอว่า หากอุ๊งอิ๊งต้องการเป็นนายกฯ จริงแล้ว ต้องฉายความพร้อมที่จะเป็นออกมา โดยผ่านกระบวนการความคิด เพื่อให้คนก้าวข้ามการวิพากษ์วิจารณ์คุณสมบัติแค่เป็นลูกสาวทักษิณ ดังนั้น จึงจะแสดงความสามารถให้ประชาชนเห็นศักยภาพคนเป็นนายกฯ ทั้งคิดเป็น ทำเป็น และแก้ไขปัญหาเป็น แล้วยังเป็นที่พึ่พาของประชาชนในประเทศได้
.
“ต้องยอมรับว่า ถึงวันนี้ ผมยังไม่เห็นแววอุ๊งอิ๊งเหมาะกับการเป็นนายกฯ ตัวจริงของประเทศได้เลย เพราะนายกฯ ตัวจริง เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเป็นนายกฯ แล้วรอการตัดสินใจจากคนที่เห็นแค่ภาพ ไม่ได้อยู่หน้างาน จะตัดสินใจผิดพลาดและไม่ตรงกับข้อเท็จจริง”นายจตุพร กล่าว
.
นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้การเป็นนายกฯ ตามอารมณ์ความรู้สึกที่โพลสำรวจนั้น แม้เป็นปัจจัยส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญคนจะเป็นนายกฯ ได้ต้องมีความบริบูรณ์มากกว่าคะแนนเสียง อีกทั้งที่ผ่านมา การเมืองไทยคนที่ถูกยกย่องเหมาะเป็นนายกฯ มักอายุเกิน 40 ปีทั้งสิ้น หากอุ๊งอิ๊งได้เป็นแล้ว ก็จะเป็นนายกฯ คนแรกของประเทศที่อายุไม่ถึง 40 ปี
.
อีกอย่าง นายกฯ ที่ผ่านมานั้น เมื่ออายุไม่ถึง 40 ปี ยังไม่กล้าเป็นนายกฯ แม้ทางการเมืองจะเปิดโอกาสให้ก็ตาม เช่นกรณีของนายปรีดี พนมยงค์ ที่มีความรู้มากมาย เป็นต้น ดังนั้น การคิดกล้าเป็นนายกฯตัวจริง คงไม่มีใครรู้จักตัวเองเท่ากับอุ๊งอิ๊งรู้จักเป็นแน่นอนว่า จะเป็นได้หรือไม่
.
“เพราะสถานการณ์ทางการเมือง การเป็นนายกฯ ไม่ได้หมายความว่าจะดำรงอยู่ได้ โดยอุ๊งอิ๊งต้องประเมินตัวเองจากการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนทั้งสองครั้งว่า คนชั้นกลางรับได้หรือไม่ เพราะถ้าเข้าเหลี่ยมผิดจะเกิดระบาดทางอารมณ์เร็วมาก”นายจตุพร กล่าว
.
นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าอุ๊งอิ๊งจะเป็นนายกฯ แล้ว ก็ไม่ต้องเสนอเศรษฐา ทวีสิน เจ้าพ่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ และพรรคเพื่อไทยประกาศเลยว่า จะให้อุ๊งอิ๊งเป็นแคนดิเดตนายกฯ คนเดียว อีกทั้งสัญญาไม่จับมือกับ พปชร.และ พล.อ.ประวิตร หากผิดสัญญา ก็ให้ประชาชนออกมาขับไล่ พร้อมบอกไม่ให้เลือกเพื่อไทยไปตลอดชีวิต เนื่องจากผิดคำมั่น แบบนี้แสดงความตรงไปตรงมากับประชาชนได้ชัดเจนดี
.
“แม้การเป็นนายกฯ เป็นเรื่องของประชาชน แต่ถ้าคุณ (อุ๊งอิ๊ง) ต้องการเป็นนายกฯ แล้ว ต้องพูดกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมา แล้วคนจะรู้ว่าตัวเองเป็นคนอย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นประวัติจะพรั่งพรูออกมาช่วยประชาสัมพันธุ์ให้ ซึ่งคุณเศรษฐา จะไม่ต้องเดือดร้อนกับชุดข้อมูลที่บางฝ่ายเตรียมไว้เปิดสู่สาธารณะด้วย”นายจตุพร กล่าว
.
นายจตุพร กล่าวว่า การพูดความจริงกับประชาชนจะจบทุกอย่าง และเมื่อประกาศเป็นนายกฯ ก็ต้องยอมรับผลลัพธ์ที่จะตามมาด้วย สมมุติในส่วนของฝ่ายที่เคยไปรับปากเขาไว้แล้ว เขาจะจัดการอย่างไร ซึ่งตนจะได้เห็นเรื่องราวต่างๆ ก่อนการเลือกตั้ง เพราะคนพวกนี้ เขามีอำนาจครบถ้วนในมือ ใครทรยศเขาก็จะสำแดงตอบโต้ได้ทุกรูปแบบ
.
“ผมเชื่อว่า เหตุที่ยังไม่ตอบคงมองเห็นไม่ต่างจากผมเห็น เพียงแต่ไม่ยอมรับความจริง แต่กระแสคำถามที่ต้องการคำตอบไปแรงและเร็วไกล ซึ่งแก้ง่ายเพียงไม่กี่พยางค์ เพียงแต่ทำเป็นตีเนียนและไม่พูดกันเท่านั้น”นายจตุพร กล่าว
.
‘จตุพร’ไม่เห็นแวว’อุ๊งอิ๊ง’เป็นนายกฯตัวจริง!!ท้าเพื่อไทยประกาศแคนดิเดตฯหนึ่งเดียว ไม่ใช่นายกฯตัวแทนพ่อ
- Advertisement -