ดร.สุวดี พันธุ์พานิช กรรมการบริหารไทยสร้างไทย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต 1 ระบุว่า ภัยฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 เป็นปัญหาที่รัฐบาลแก้ไม่ได้สักที เดือนตุลาคมนี้ปริมาณฝุ่นในบางช่วงเวลาเป็นอันตรายต่อสุขภาพในระบบทางเดินหายใจ ขอให้รัฐบาลเร่งแจ้งเตือนประชาชนกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะผู้สูงอายุและเด็กเล็ก และเร่งแก้ปัญหาฝุ่นจิ๋วที่มีแนวโน้มมากขึ้นในช่วงฤดูหนาวในหลายจังหวัด
.
ดร.สุวดี ระบุอีกว่าขณะที่รัฐบาลนี้มีเวลาทำงานมากว่า 8 ปี แต่ยังหาสาเหตุที่แท้จริงซึ่งนำไปสู่การป้องกันไม่ได้ภายใน 2 ปี ที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงโควิด คนใช้รถน้อย กักตัวในบ้าน เรียนออนไลน์ ปิดไซต์ก่อสร้าง ปริมาณฝุ่นจิ๋วก็ยังอยู่ในระดับเป็นภัยกับสุขภาพ ขณะนี้ค่าเฉลี่ยในกรุงเทพฯ 100-200 AQI อยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อผู้ป่วยหรือผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ และมีแนวโน้มที่ค่าเฉลี่ยจะสูงขึ้น เป็นปัญหาเรื้อรังของคนไทยมาหลายปี ซึ่งส่งผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก แต่ยังไม่ได้การแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม”
.
“คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ได้ร่วมผลักดัน พ.ร.บ. อากาศสะอาด เพื่อเป็นเครื่องยืนยันถึงความแน่วแน่ที่จะคืนคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ประชาชน รัฐบาลต้องทำหน้าที่อย่างจริงจังเรื่อง อากาศสะอาด ให้ความรู้และสร้างวินัยการมีส่วนร่วมจากประชาชนและเจ้าของกิจการ รัฐบาลต้องสั่งการให้ตรวจจับอย่างเข้มงวดโปร่งใส ลดการปล่อยควันดำจากเครื่องยนต์ การเผาไหม้จากพื้นที่เกษตร โรงงานอุตสาหกรรม รวมไปถึงการควบคุมคุณภาพการสร้างอาคาร”ดร.สุวดี กล่าว
.
ดร.สุวดี กล่าวว่า รัฐบาลต้องเร่งสื่อสารให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหาที่มองไม่เห็นโดยการเพิ่มจุดแสดงค่าฝุ่นให้มากขึ้นเพื่อให้เกิดการตระหนักและป้องกันตัวเพื่อหาแนวทางป้องกันและหลีกเลี่ยงโดยการสวมหน้ากากกันฝุ่น หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้ง กลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหัวใจ โรคปอด โรคหลอดเลือดในสมอง ลดเวลาการอยู่นอกบ้านหรือตัวอาคาร
.
นอกจากนี้หวั่นว่าไทยขายหน้า หากรัฐบาลไม่สามารถสกัดกั้นการเพิ่มขึ้นของฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 ก่อนการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย – แปซิฟิก (APEC 2022) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งมีประเทศสมาชิก 21 เขตเศรษฐกิจเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความเชื่อมั่นในฐานะเจ้าภาพแก่ผู้เข้าร่วมประชุม การประชุมครั้งนี้ถือเป็นการประชุมครั้งสำคัญของ 21 เขตเศรษฐกิจที่มีประชากรรวมกว่า 3 พันล้านคน
.
“หากรัฐไม่สามารถจัดการปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ในครั้งนี้ ย่อมทำให้ภาพลักษณ์ของไทยในฐานะเจ้าภาพครั้งนี้เสียหายอย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะส่งผลให้ความน่าเชื่อถือของเศรษฐกิจไทยในสายตาชาวโลก ส่งผลกระทบการท่องเที่ยว ในขณะที่ไทยเองยังอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด-19 ภาพลักษณ์ของไทยในการเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งนี้สำคัญเป็นอย่างมาก รวมไปถึงสิ่งที่รัฐต้องตระหนักเสมอ คือ เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน โดยที่ภัยฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 จะส่งผลกระทบต่อร่างกายทั้งระยะสั้นระยะยาว”ดร.สุวดี กล่าว
.
- Advertisement -
