น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า กรณีที่ประชุมคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 1 ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ได้พิจารณาขอบข่ายอำนาจของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ต่อการควบรวมธุรกิจ ทรู-ดีแทค แล้วมีมติว่า กสทช.ไม่มีอำนาจสั่งการนั้น ส่วนตัวถือว่าเกินความคาดหมาย
.
น.ส.ศิริกัญญา ระบุว่า แต่การที่ กสทช.พยายามหาพิงหลังจากการตีความของคณะกรรมการกฤษฎีกา เชื่อว่าไม่เพียงพอที่จะสามารถหลุดรอดการใช้อำนาจของตัวเองไปได้ ซึ่งอยากให้ กสทช.คิดใหม่ เพราะความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่มีอำนาจผูกพันในองค์กรอิสระ การที่มีมติ 3 ต่อ 2 เพื่อยื่นไปยังนายกรัฐมนตรี ขอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความก็ใช้ได้เพียงแค่กรณีเป็นการภายใน ไม่มีผลผูกพัน ไม่สามารถเป็นที่พิงหลังให้กับ กสทช ได้
.
น.ส.ศิริกัญญา ระบุอีกว่า ขณะเดียวกันเรื่องที่มีการฟ้องร้องในชั้นศาลปกครองก็เป็นเพียงความเห็นเบื้องต้นยังไม่เป็นที่สิ้นสุด การที่ กสทช.จะมีอำนาจพิจารณาอนุญาตไม่ใช่ความผิดปกติ กสทช.อาจใช้อำนาจของตัวเองอนุมัติอนุญาตการควบรวมครั้งนี้ก็ทำได้ แต่การถอยร่นไปจนถึงว่าตัวเองไม่มีอำนาจหรือว่าพยายามที่จะตัดอำนาจให้พ้นตัว หากมองอีกมุมก็เป็นคนไม่หวงอำนาจ หรือไม่ใช้อำนาจของตัวเองอย่างเต็มความสามารถเพื่อทำหน้าที่ตาม พ.ร.บ.กสทช.และตามรัฐธรรมนูญเพื่อปกป้องคุ้มครองผลประโยชน์ของประชาชน
.
น.ส.ศิริกัญญา ระบุว่า ส่วนกรณีที่ กสทช.จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่นั้น พรรคก็อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าขัดต่อมาตรา 157 หรือไม่ แต่เนื่องจากยังมีกระบวนการเตะถ่วงยื้อเวลาไปเรื่อย ทำให้พรรคยังไม่สามารถยื่นฟ้องความผิดฐานขัดมาตรา 157 ได้ในเวลานี้ แต่เมื่อไหร่ที่ กสทช.รับคำวินิจฉัยการตีความทางกฎหมายของคณะกรรมการกฤษฎีกาก็จะเริ่มกระบวนการยื่นฟ้องทันที ส่วนการพยายามยืมมือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้ออกคำสั่ง ขึ้นอยู่กับองค์กรที่ตีความ แต่เชื่อว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ตีความ ทั้งๆ ที่รู้ว่า ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายก็จะรอด แต่คนที่คิดว่าจะไม่รอดก็น่าจะเป็น กสทช.
.
น.ส.ศิริกัญญา ยังระบุถึงกรณีที่สำนักงาน กสทช.ขอข้อมูลเพิ่มเติมในวันพรุ่งนี้ (14 ก.ย.) และคาดว่าจะปิดดีลปัญหาควบรวมได้ภายในปีนี้ เชื่อว่าคงเป็นภาวะกดดันจากเอกชนในเรื่องระยะเวลาการให้คำตอบภายใน 90 วันนับแต่วันที่ยื่นรายงาน ซึ่งมองว่าระยะเวลา 90 วันเป็นระยะเวลาของเลขาธิการสำนักงาน กสทช. แต่ในส่วนของคณะกรรมการยังมีระยะเวลาพิจารณา ซึ่งในต่างประเทศใช้เวลาถึง 2 ปี
.
“อยากขอให้ทางสำนักงาน กสทช.ใจเย็น อย่าไปอยู่ภายใต้แรงกดดันของเอกชนมากจนเกินไป กฎหมายไม่ได้เขียนหละหลวม และให้อำนาจอย่างเต็มที่ พร้อมขอให้ตีความกฎหมายเข้าข้างตัวเอง และทั้งที่มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ กสทช. เพื่อทำหน้าที่เสนอความเห็นเกี่ยวกับข้อกฎหมาย โดยมีศาสตราจารย์กิตติคุณบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานอนุกรรมการ แต่กลับโยนให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ”น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
.
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า อาจเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยในปี 59 ที่นายมีชัยมานั่งเป็นประธานคณะกรรมการกฤษฎีกาชุดนี้ เราเคยมีร่างรัฐธรรมนูญ 1 ฉบับ แต่ก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจของผู้ที่มีอำนาจ และเมื่อมีฉบับที่สร้างปัญหาทำให้ประเทศยุ่งเหยิงจนถึงทุกวันนี้คือรัฐธรรมนูญ 60 และวาระ 8 ปีของนายกรัฐมนตรี รวมถึงการที่นายมีชัยมานั่งเป็นประธานคณะกรรมการกฤษฎีการับเผือกร้อนตีความทางกฎหมาย ทำให้ผูกพันยุ่งเหยิง สังคมต้องมาตีความเรื่องนี้ในอนาคตอีก ขอเรียกร้องอย่าให้ต้องคอยมาตีความใหม่เหมือนที่ทำไว้ในรัฐธรรมนูญ 60 อีก
.
- Advertisement -