นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า จบยุคดอกเบี้ยต่ำของไทย!!!สัปดาห์นี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเศรษฐกิจไทย ยุคดอกเบี้ยต่ำเตี้ยติดดิน ที่เกิดขึ้นมาหลายปี ก็จะจบยุค เป็นจุดเริ่มต้นของการปรับขึ้นดอกเบี้ยกลับไปสู่ปกติ ที่ผู้ฝากเงิน(โดยเฉพาะผู้เกษียณอายุ กินดอก) จะเริ่มยิ้มได้ 🙂 ส่วนผู้กู้ยืม ต้องเริ่มบริหารต้นทุนด้านการเงิน ต้องระมัดระวังในการสร้างหนี้ เพราะหนทางข้างหน้าจะท้าทายขึ้น ภาระหนี้ของทุกคนจะเริ่มเพิ่มขึ้น
.
ทำให้ช่วงสบายๆ ของ CFOs สิ้นสุดลง ส่วนดอกเบี้ยไทยจะขึ้นเท่าไร ไปจบลงที่ตรงจุดไหน ในช่วงต่อไปนั้น ก็คงต้องรอคณะกรรมการนโยบายการเงินตัดสินใจ โดยมีปัจจัยหลักที่จะเป็นหัวใจสำคัญกำหนดดอกเบี้ยต่อไปคือ “แนวโน้มของเงินเฟ้อ” ที่ธนาคารกลางประเทศต่างๆ ทั่วโลก ต้องแข่งกันปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วง 6 เดือนแรก ก็เพราะเงินเฟ้อ
.
สำหรับไทยในช่วงต่อไป ก็เช่นกัน ภาระดอกเบี้ยของทุกคนจะเพิ่มแค่ไหน จะขึ้นกับว่า เงินเฟ้อทำตัวดีแค่ไหน ในประเด็นนี้ ต้องถือว่าเป็น “ข่าวดี” ที่ไทยกำลังจะปรับขึ้นดอกเบี้ย ในช่วงเงินเฟ้อกำลังแผ่วลงบ้าง เดือนล่าสุด (กรกฏาคม) เป็นครั้งแรกของปี ที่เงินเฟ้อลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า จากเคยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอย่างน่ากังวลใจจากเดือนก่อนหน้า (MoM) เฉลี่ยเดือนละ +0.9% มาตลอด
.
เทียบกับปีก่อนหน้า (YoY) เงินเฟ้อไทยเดือนนี้ก็ลดลงเช่นกัน อยู่ที่ +7.61% จาก +7.66% ในเดือนก่อนหน้า แม้จะลดลงเพียงนิดเดียว แต่ก็ยังน่าดีใจ เพราะภาพจำของทุกคนสำหรับครึ่งแรกของปีคือ เงินเฟ้อพุ่งทะยาน สูงแล้ว สูงอีก ไม่รู้จะไปจบที่ตรงไหน แต่เดือนนี้ มีข่าวดีเล็กๆ เรื่องราคาสินค้าต่างๆ พร้อมกันหลายจุด
.
โดยเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า เงินเฟ้อทั่วไป -0.16% ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) -1.3% ดัชนีราคาก่อสร้าง -0.7% จะมีก็เพียงเงินเฟ้อพื้นฐานที่ยังบวกเพิ่มอีก +0.5% จากการที่ราคาของสินค้าต่างๆ เริ่มปรับตัวขึ้น จากราคาหมวดพลังงาน และการขนส่ง ที่เพิ่มขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา
.
หากเราไปดูรายละเอียดขององค์ประกอบสำคัญของเงินเฟ้อ จะพบว่า ที่ดีขึ้นคือ หมวดที่ไม่ใช่อาหาร +7.6% ลดลงจาก +8.5% พลังงาน +33.8% ลดลงจาก +40.0% พาหนะการขนส่ง +10.2% ลดลงจาก 14.8% สะท้อนราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวดีขึ้น ในช่วงที่ผ่านมา
.
ส่วนหมวดที่แย่ลง ก็คือ หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล +8.0% เพิ่มขึ้นจาก +6.4% เนื้อสัตว์ เป็นไก่ สัตว์น้ำ +13.7% จาก 13.0% ผัก ผลไม้ +5.8% จาก 0.4% อาหารบริโภค-ในบ้าน +8.7% จาก +7.3% อาหารบริโภค-นอกบ้าน +8.4% จาก 6.5% สะท้อนถึงภาระต้นทุนที่เพิ่มในช่วงที่ผ่านมา ที่กดดันให้ทุกคนต้องปรับเพิ่มราคาสินค้าต่างๆ เพื่อส่งผ่านภาระบางส่วนให้แก่ผู้บริโภค
.
อย่างไรก็ตาม การที่จะวิเคราะห์แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลาง เราต้องเข้าใจว่า สำหรับธนาคารกลางประเทศต่างๆ แล้ว ที่สำคัญไปยิ่งกว่าเงินเฟ้อเดือนล่าสุด ก็คือ “แนวโน้ม หรือ outlook” ในระยะต่อไป ของเงินเฟ้อ เพราะฝันร้ายที่สุดของธนาคารกลาง ก็คือ เอา “เงินเฟ้อในระยะยาว” ไม่อยู่ ซึ่งในประเด็นนี้ จะเอาอยู่ ไม่อยู่ มีปัจจัยสำคัญประมาณ 4 เรื่อง ที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะปัจจัยเหล่านี้จะกำหนดแนวโน้มของเงินเฟ้อในในช่วงต่อไป
- ราคาน้ำมันโลก
- ราคา Commodities โลก โดยเฉพาะหมวดโลหะ อาหาร
- ค่าเงิน เพราะเรานำเข้าวัตถุดิบและสินค้า
- ราคาค่าจ้าง โดยเฉพาะราคาค่าจ้างขั้นต่ำ และเงินเดือน
สำหรับสี่ปัจจัยหลักนี้ เราเริ่มเห็น ราคาน้ำมันโลก ราคาโลหะโลก ราคาอาหารบางชนิดเริ่มดีขึ้น (จากความกลัว Global Recessions) ทำให้เงินเฟ้อของไทยเริ่มนิ่งขึ้นเช่นกัน ค่าเงินบาทที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นบ้าง ก็ช่วยเช่นกัน ซึ่งหากราคาน้ำมันและ Commodities โลกอยู่ในระดับนี้ต่อไป เงินเฟ้อไทยก็น่าจะเริ่มลดลงในช่วงปลายปี แล้วจะถูกกระทบอีกครั้ง จากการปรับขึ้นราคาค่าจ้างขั้นต่ำ เพื่อให้ลูกจ้างอยู่ได้ แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้น ก็น่าจะบริหารจัดการได้
.
ทั้งหมดนี้ การที่เงินเฟ้อทั่วไปของไทยปรับตัวดีขึ้น ไม่พุ่งทะยาน ลดลงเล็กน้อย และมีแนวโน้มลดลงในช่วงต่อไป จะช่วยให้การขึ้นดอกเบี้ยของแบงก์ชาติสามารถทำแบบค่อยเป็นค่อยไปได้ สามารถคอยดูสถานการณ์ ไม่ต้องเร่งร้อน ถูกกดดันเหมือนกับเฟด หรือธนาคารกลางประเทศอื่นๆ ครับ
.