นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า วันนี้ (12 ตุลาคม 2565) ผมในฐานะ ส.ส. บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวต่อพี่น้องสื่อมวลชนประเด็นสืบเนื่องจากเหตุกราดยิงที่จังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้าสลดใจของคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งเหตุการณ์ที่มีการใช้อาวุธในลักษณะแบบนี้ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรก
.
ผมทราบดีว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้อาจยากที่จะป้องกันได้สมบูรณ์แบบ 100% แต่สิ่งที่สังคมเราอยากที่จะเห็น และจริงจังคือการป้องกันให้ได้มากที่สุดเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำ ลดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นต่อไป
.
ย้อนกลับไปนับแต่การกราดยิงที่โคราช เราแทบไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงขององค์กรอย่างตำรวจทหารเลยแม้แต่น้อย ตลอดที่ผมทำงานศึกษาติดตามเรื่องนี้พบว่าภายในองค์กรเหล่านี้ยังมีสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการปฏิบัติหน้าที่ ที่ดีของเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ว่าจะเป็นการทุจริตคอรัปชั่นที่เกิดขึ้น ซึ่งหลายครั้งส่งผลเสียต่อเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อย บางครั้งหนักถึงขนาดที่อาหารการกินของชั้นผู้น้อยก็มีการแบ่งแยก และปัญหาสุดคลาสสิคที่อยู่กับสังคมมานานคือ การใช้เส้นสายฝากคนของตัวเองเข้าทำงาน การเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด บ่อนการพนัน สถานบันเทิงผิดกฎหมาย ไปจนถึงการค้ามนุษย์ สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ล้วนต้องอาศัยการสมคบของเจ้าหน้าที่รัฐทั้งสิ้น
.
เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ วัฒนธรรมองค์กรที่ใคร ๆ ก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น กลับกันเราเห็นการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังมากแค่ไหนของรัฐบาล รวมไปถึงผู้บัญชาการทหารบก และ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทุกครั้งที่ถามหาการแก้ปัญหา มักได้คำตอบที่เป็นการโยนความผิดของผู้ก่อเหตุโดยไม่โทษองค์กร ไม่โทษสภาพแวดล้อมเลย
.
แน่นอนว่าผู้ก่อเหตุมีความผิดที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่หากไม่มีการปฏิรูปองค์กรอย่างจริงจังไม่ว่าจะตำรวจหรือทหาร เหตุการณ์แบบนี้จะกลายเป็นระเบิดเวลาที่อาจจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ก็ได้ ผมและพรรคก้าวไกลจึงอยากเสนอหลักการ 4 ข้อ เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องนี้และลดโอกาสที่จะเกิดขึ้นซ้ำ
.
- ต้องมีการจัดการอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เกิดการซื้อขายตำแหน่ง ป้องกันระบบตั๋ว, ตั๋วช้าง ซึ่งเป็นสิ่งชักนำสำคัญที่ทำให้เกิดคนมีสีเข้าไปเกี่ยวกับธุรกิจที่ผิดกฎหมาย
. - ต่อมาจะต้องมีการดูแลเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยอย่างสม่ำเสมอ ทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในยามที่พวกเขามีปัญหา ขณะเดียวกันองค์กรเหล่านี้จะต้องมีกระบวนการในการช่วยเหลืออย่างเป็นธรรม และโปร่งใส หมดยุค “ช่วยกัน” ได้แล้ว
. - รัฐบาลจะต้องเข้ามาช่วยเหลือเพื่อทำให้ต้นทุนของการปฏิบัติหน้าที่ในราชการมีน้อยที่สุด โดยจะต้องไม่เป็นการผลักภาระต่อผู้ปฏิบัติหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อปืนเอง การซื้อน้ำหมึกเอง หรือกระดาษเอง สิ่งเหล่านี้จะต้องไม่เกิดขึ้น ตลอดจนการเลิกภารกิจที่ไม่มีความจำเป็น เช่น ทหารรับใช้ ตำรวจรับใช้
. - กรณีที่พวกเขาต้องออกจากองค์กร รัฐและองค์กรที่เป็นต้นสังกัด ต้องติดตามว่าคนเหล่านี้สามารถอยู่ในสังคมอย่างปรกติสุขได้หรือไม่ ซึ่งหากมีความจำเป็นต้องรักษาหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ภาครัฐมีความจำเป็นที่จะต้องเข้ามามีบทบาทต่อเรื่องนี้ด้วย
.
ท้ายที่สุด ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีโอกาสเห็นสำนึกของผู้บังคับบัญชาเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปองค์กรทั้งตำรวจและทหาร เพื่อให้สังคมของเราได้อยู่อย่างปลอดภัยต่อไป
.
และหากรัฐบาลหรือผู้ที่เกี่ยวข้องไม่สามารถปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้ต้นตอของปัญหาที่เรื้อรังมานานถูกแก้ได้ ตามข้อเสนอที่ผมได้กล่าวไป 4 ข้อเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปกองทัพนั้น ผมจึงหวังว่าอีกไม่กี่เดือน การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงจะสามารสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น และนำไปสู่การปฏิรูปองค์กรตำรวจและทหารได้สำเร็จ
.