นายเสกสรร แป้นงาม ผู้กล้าชลบุรี เปิดเผยถึงแรงบันดาลในใจการมาทำงานการเมืองว่า ตนเองเป็นคนชอบทำงานอาสา โดยเฉพาะงานอาสาที่เกี่ยวกับการพัฒนาโรงเรียนขาดแคลนในต่างจังหวัด ทำมาหลายปี สิ่งที่คือเห็นความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ซึ่งในความจริงจากการพูดคุยยังเห็นปัญหาที่ทับซ้อนอยู่ในปัญหานั้นลึกลงไปอีก เช่น ความยากจน ความลำบากในการเดินทางมาโรงเรียนของเด็ก ๆ รวมไปถึงเงื่อนไขทางระบบราชการ เป็นต้น เมื่อได้รับฟังปัญหาเหล่านั้น กลับมาคิดว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง ลำพังสิ่งที่ทำอยู่ ก็คงช่วยได้แค่ปลายทาง จึงอยากมาทำการเมือง เพื่อหวังว่า วันหนึ่งจะช่วยผลักดันสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้คนไทย มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
.
นายเสกสรร กล่าวถึงการช่วยเหลือคนชลบุรีในช่วงโควิค ว่า ช่วงโควิคที่ผ่านมาและในปัจจุบัน ได้เห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อที่มากขึ้นทุกวัน ตนเองทนอยู่เฉยๆ ไม่ได้ จึงตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง โดยการช่วยเหลือของตนจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ให้ความสำคัญกับบุคลากรด่านหน้า เป็นอย่างมาก เพราะ พวกเขา คือ กำลังสำคัญในการต่อสู้กับโรคร้ายนี้แทนพวกเรา จึงได้ร่วมกับเพื่อนๆ รวบรวมทุนทรัพย์กัน บริจาคอุปกรณ์การแพทย์ เช่น ชุด ppe , แมสก์ , เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ, ถุงมือยาง เป็นต้น
.
“รวมไปถึง สนับสนุน อาหาร เครื่องดื่ม อยู่เป็นระยะ ไม่เพียงเท่านั้น ผมยังทำกาแฟสกัดเย็น หรือ ที่เรียกว่า Cold brew ส่งมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า อยู่เป็นประจำ ซึ่งที่ผ่านมา ได้มอบไปแล้วกว่าพันขวด ทำจนคนทั่วไปคิดว่าผมขายกาแฟไปแล้ว แต่ผมไม่ได้ขายนะครับ ผมทำสิ่งนี้ เพราะผมเป็นคนชอบดื่มกาแฟ ผมจึงนำสิ่งที่ชอบมาทำ เพื่อเติมกำลังใจให้แก่กันครับ”นายเสกสรร กล่าว
.
นายเสกสรร ระบุอีกว่า นอกจากนี้ยังช่วยเหลือ ชุมชนผู้มีรายได้น้อย ในพื้นที่ โดยการมอบไข่ไก่ และ ข่าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ไปมอบให้ เพื่อหวังว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการครองชีพได้บ้าง เพราะในจังหวัดชลบุรี เป็นพื้นที่ระบาดรุนแรงสีแดงเข้ม บริษัทห้างร้านถูกสั่งปิด ชาวบ้านตกงานขาดรายได้ ทำมาหากินลำบาก ถ้าตนเองพอจะช่วยได้ก็อยากทำ โดยช่วยตามกำลังที่สามารถทำได้ เวลานี้เราต้องช่วยกัน
.
นายเสกสรร กล่าวถึงสาเหตุสำคัญที่ตัดสินใจเลือกพรรคกล้า ว่า คำตอบนี้ ตอบไม่ยากเลย แต่ต้องเล่าก่อนว่า ก่อนหน้านี้ตนเองก็คงเหมือนกับหลายๆ ท่าน คือ เบื่อการเมือง ที่เอาแต่สาดโคลนใส่กันไปมา ยิ่งในปัจจุบันด้วยแล้ว การถูกผลักให้ไปซ้ายที ขวาที คุณคิดไม่เหมือนผม คุณคือศัตรู จนวันนึงได้ทราบข่าวว่า คุณกรณ์ จาติกวณิช ซึ่งเป็นนักการเมืองท่านหนึ่งที่ตนเองติดตามและชื่นชมมาตลอดอยู่แล้ว ได้ประกาศจัดตั้งพรรคกล้า
.
“ตอนนั้น ก็ยังไม่ได้คิดจะมาทำการเมืองด้วยหรอกครับ แต่พอติดตามได้สักระยะ คำว่า “ปฏิบัตินิยม” ที่ คุณกรณ์ ชูให้เป็นแนวคิดของพรรคกล้า มันตรงใจและตอบโจทย์ผมมากอย่างบอกไม่ถูกครับ มันตรงกับความคิดของผมที่มีอยู่แล้ว คือ ผมมองว่า การจะพัฒนาประเทศ ต้อง เริ่มต้นตัวเราผ่านการลงมือทำ ประเทศนี้ควรต้องขับเคลื่อนด้วยการลงมือทำ ผมจึงตัดสินใจขอเข้ามาร่วมงานกับพรรคกล้า ซึ่งพรรคฯ ก็ให้โอกาสผมได้เข้ามาทำงาน ต้องขอบคุณพรรคกล้า ในส่วนนี้ด้วยครับ”นายเสกสรร กล่าว
.
ส่วนนโยบายที่ประเทศควรพัฒนาหลังผ่านพ้นวิกฤตควรมีการพัฒนาด้านในมิติใดบ้าง นายเสกสรร ระบุว่า มอง 2 เรื่องหลัก ที่ควรทำหลังผ่านวิกฤตครั้งนี้ เรื่องแรก คือ การศึกษา ซึ่งเรารู้กันอยู่แล้วว่า การศึกษาเป็นการพัฒนาบุคลากรของประเทศ ในอนาคต จะพัฒนาประเทศให้ยั่งยืน ต้องพัฒนาคนให้ได้ก่อน ปัจจุบันเรายังเห็นความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาอยู่มาก วิกฤตที่ผ่านมายิ่งเห็นได้ชัด การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนาการศึกษา จะเป็นสิ่งที่ช่วยลดความเหลือล้ำตรงนี้ได้
.
นายเสกสรร ระบุอีกว่า แต่อย่างไรก็ตามด้วยความไม่พร้อมอย่างที่เราเห็น ความล้มเหลวของการทำระบบเรียนออนไลน์ที่ผ่านมา เราต้องแก้ตรงนี้ก่อน ทำอย่างไรให้เด็กทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ได้อย่างเท่าเทียมกัน ถ้ามีปัญหาเรื่องอุปกรณ์ หรือ สัญญานอินเตอร์เนต หรือใดๆ ก็แล้วแต่ รัฐต้องจัดสรร และ แก้ปัญหานี้ให้ได้ ถ้าเราแก้ไขได้ เราจะพัฒนาเด็ก ที่จะเติบโตมาเป็นกำลังของชาติที่มีคุณภาพต่อไป
.
นายเสกสรร ระบุด้วยว่า เรื่องที่ สอง คือ เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก การฟื้นฟูเศรษฐกิจ ก็เป็นสิ่งที่รัฐต้องแก้ไขโดยด่วน โดยเฉพาะกับผู้ประกอบการรายย่อย ที่ถือเป็นเส้นเลือดของประเทศเรา ที่เสียหายไปมาก SME หลายบริษัทต้องล้มไปในช่วงวิกฤต เราต้องพาพวกเขากลับมาสู่ระบบเศรษฐกิจอีกครั้ง รัฐต้องคำนึงถึง SME ให้มาก ๆ ถ้า SME ไปต่อได้ ประเทศก็ขับเคลือนไปได้
.
‘เสกสรร’เบื่อการเมืองสาดโคลน ขออาสาทำการเมืองน้ำดี ผลักดันสิ่งที่เป็นประโยชน์-ยกคุณภาพชีวิตให้คนไทย
- Advertisement -