เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวถึงนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ได้รับพักโทษคดีจำนำข้าวนั้น กระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ ต้องมีบรรทัดฐานให้สิทธิพักโทษเสมอภาคกัน ซึ่งข้อเท็จจริงที่ผ่านมาไม่เสมอภาค เพราะบางคดีกำหนดให้ผ่านฝึกอบรมแต่กรมราชทัณฑ์ไม่จัดฝึกอบรม จึงไม่เข้าเงื่อนไขการพักโทษ จนมีผู้ต้องขังติดค้างอยู่ในคุกจำนวนมาก
นายจตุพร กล่าวว่า กรณีนายบุญทรงได้พักโทษเร็ว เป็นเพราะระเบียบราชทัณฑ์แต่ละช่วงไม่เหมือนกัน นายบุญทรงเข้าคุกขณะกรมกราชทัณฑ์ใช้ระเบียบเก่าจึงมีสิทธิได้รับพระราชทานอภัยโทษทุกปี ส่วนระเบียบใหม่กำหนดได้รับพระราชทานอภัยโทษทั่วไปต้องติดคุก 1 ใน 3 ของโทษก่อน หรือในคดีที่มีโทษมากต้องติดคุก 8 ปี
นายบุญทรงกับนายวัฒนา เมืองสุข มีชะตากรรมแตกต่างกัน โดยนายวัฒนา มีโทษจำคุก 50 ปี มากกว่าบุญทรง 2 ปี แต่นายวัฒนา เข้าคุกหลังจากกรมราชทัณฑ์ประกาศระเบียบกำหนดการได้รับอภัยโทษทั่วไปใหม่แล้ว จึงต้องติดคุกอย่างน้อย 8 ปีก่อนจึงจะเข้าเงื่อนไขมีสิทธิได้รับพระราชทานอภัยโทษทั่วไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อนายบุญทรงรับโทษถึง 2 ใน 3 แล้ว และเหลือโทษอีก 3 ปี 5 เดือนจึงได้รับพิจารณาพักโทษ โดยมีคณะกรรมการพิจารณา แต่ที่น่าสนใจคือ หลังจากนี้นายบุญทรงจะวางตัวอย่างไรในช่วงถูกติดกำไรขาคุมความประพฤติ และจะแสดงความคิดเห็นอะไรได้บ้างหรือไม่
แม้การได้รับอิสรภาพของนายบุญทรงเป็นเรื่องน่ายินดี แต่สื่อมวลชนรุกถามการพักโทษจะเกี่ยวข้องกับการกลับหรือไม่กลับของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือไม่ จึงน่าจับตาดูท่าทีของนายบุญทรงจากนี้จะทำอย่างไร และต้องคิดมากถ้าผิดเงื่อนไขพักโทษต้องถูกนำตัวกลับไปอยู่เรือนจำตามเดิม ดังนั้น ต้องใช้ชีวิตที่เหลือช่วงพักโทษอย่างระมัดระวัง
นายจตุพร กล่าวว่า ยิ่งลักษณ์ สามารถกลับมาไทยได้ทุกเมื่อเพียงแต่จะเลือกแนวทางอย่างไร ถ้าเลือกเข้าคุกแล้วขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายได้ แต่หากเลือกเส้นทางไม่ต้องติดคุกสักวันอย่างทักษิณ พี่ชายแล้ว จะกระชากอารมณ์ไม่พอใจของคนไทยให้ระอุพลุกพล่านยิ่งขึ้น ซึ่งเรื่องนี้คงต้องคิดหนัก
…..
#Thepoint #Newsthepoint
#ยิ่งลักษณ์ #ทักษิณชินวัตร #ยิ่งลักษณ์กลับไทย #จตุพรพรหมพันธุ์