หน้าแรกการเมือง'เฉลิมชัย' มั่นใจ 'ประชาธิปัตย์ยุคใหม่' ต้องได้ไม่ต่ำกว่า 25 ที่นั่ง! ลั่น ได้เวลาโละหลักกูในพรรค

‘เฉลิมชัย’ มั่นใจ ‘ประชาธิปัตย์ยุคใหม่’ ต้องได้ไม่ต่ำกว่า 25 ที่นั่ง! ลั่น ได้เวลาโละหลักกูในพรรค

เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2566 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงการขับเคลื่อนพรรคปชป.ต่อจากนี้ โดยหลังถูกถามว่า มีการมองกันว่า จะมาเป็นหัวหน้าพรรคแค่หนึ่งปีครึ่งหรือสองปี จริงหรือไม่ นายเฉลิมชัย กล่าวแบบสงวนท่าทีว่า มีคำตอบอยู่ในใจแล้ว แต่ขออนุญาตว่าเมื่อก่อนผมอาจจะเป็นคนตรง แต่วันนี้ ยืนยันผมมีคำตอบอยู่ในใจ แต่ขอให้อยู่ในใจผมก่อนแล้วกัน เช่นว่าจะมีระยะเวลาประมาณหรือมีสถานการณ์อะไร แบบนี้

ถามว่าวันนี้กล้าประกาศเลยหรือไม่ เช่น หากพรรคได้ส.ส.ต่ำกว่า 25 ที่นั่งในการเลือกตั้งสมัยหน้า หัวหน้าพรรคปชป.รีบกล่าวตอบว่า ”ผมไม่พูด คือวันนี้กับสถานการณ์วันนั้น ไม่เหมือนกัน วันนั้น หากผมไม่ประกาศ ประชาธิปัตย์ อาจจะเลือดไหลจนกระทั่งเลือดหมดตัวเลยก็ได้ ถ้าไม่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการที่จะอยู่กับพรรค แล้วพาพรรคเดินไปข้างหน้า ผมบอกไว้แล้วว่า สถานการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นก่อนที่จะมีกรณีของปริญช์ พานิชภักดิ์ มันสะสม สะสมมาจนกระทั่งมันมาระเบิด คือผมเคยบอกว่าจะหยุดการเมืองมารอบหนึ่งแล้ว และสิ่งที่บอกกับทุกคนก็คือ ผมไม่ได้เข้ามาเพื่อจะมาหวังผลทางการเมืองอะไร”

ย้ำว่า อยากให้แค่แสดงความมั่นใจ คือมั่นใจหรือไม่ว่า ตัวเลขส.ส. 25 ที่นั่ง พรรคน่าจะดำรงคงอยู่ได้ นายเฉลิมชัยกล่าวตอบว่า “ผมต้องทำให้ได้ ไม่ว่าผมจะอยู่ในสถานะไหน ต้องทำ”

ส่วนกรณีมีคำพูดของผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้อาวุโสในพรรคประชาธิปัตย์ อย่างนายชวน หลีกภัย ที่ให้สัมภาษณ์ว่า ฝากกรรมการบริหารพรรค อย่าให้เขาเอาพรรคไปหากินนั้น นายเฉลิมชัย กล่าวหลังถูกถามเรื่องนี้ว่า “เรียนอย่างนี้ว่า ถ้าวันหนึ่ง ผมมีโอกาสเป็นผู้อาวุโสพรรค ผมจะไม่พูดคำนี้ ถ้าผมมีโอกาส ผมไม่พูด เพราะผมมีสำนึก ผมรู้ดีว่า สิ่งไหนที่จะทำให้พรรคเสียหาย สิ่งไหนที่ทำแล้วพรรคไม่ได้ประโยชน์ ผมก็จะไม่ทำ”

ถามถึงว่า หลังจากคุณชวน พูดแล้ว ได้มีโอกาสไปคุยด้วยหรือไม่ หัวหน้าพรรคปชป.กล่าวว่า ไม่มี เพราะเราไม่ได้เป็นแบบนั้น เราไม่ได้เป็นอย่างนั้น ผมยืนยันทุกที่ ผมประกาศบนเวทีพรรคประชาธิปัตย์ ว่าผมจะเอาหลักการและอุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์กลับมา และจะเป็นฝ่ายค้านที่สมบูรณ์และเข้มแข็ง และพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีวันเป็นพรรคอะไหล่ใครทั้งหมด

“มันไม่พอหรือครับ สำหรับคนที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หรือว่ามันไม่มีน้ำหนัก เพราะว่าอยู่คนละสายกัน ผมต้องฝากคำถาม ไปถามกับสังคมว่า วันนี้ ที่พวกผมขึ้นมา พวกผมขึ้นมาเพื่อเอาพรรคไปหากินหรือครับ แล้วที่หลายๆ ปี เกือบสิบปีมา ที่ผมอยู่กับพรรค แบบจงรักภักดีตั้งแต่สมัยคุณอภิสิทธิ์ (เป็นหัวหน้าพรรค)แม้แต่วันที่ ผมลาออกจากเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยเหตุผลที่คุณอภิสิทธิ์ก็รู้ แต่ผมจะไม่พูด อะไรที่ทำให้พรรคเสียหาย ผมจะไม่พูด ผมลาออกจากเลขาธิการพรรค แล้วใครที่ช่วยพรรค ยืนอยู่คู่กับคุณอภิสิทธิ์เลย ผมนี้แหละครับ ผมไม่มีตำแหน่ง ผมก็ไม่ทิ้งพรรค ไม่มีตำแหน่ง ไม่มีอะไรเลย แต่ก็ยังถือว่านี้คือบ้าน ที่ผมต้องปกป้องรักษา ถ้าทุกคนมีสำนึกแบบนี้ ประชาธิปัตย์ เดินได้”

ถามต่อถึงไทม์ไลน์ในการเข้ามากอบกู้ ปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ จะทำอย่างไร นายเฉลิมชัย กล่าวว่า คิดไว้แบบนี้ คือส่วนตัว จะไม่ใช่คำว่า”กอบกู้” เพราะประชาธิปัตย์ คือสถาบันการเมือง ที่อยู่คู่กับประเทศไทย อาจจะมีขึ้นบ้างลงบ้าง วันนี้อาจเป็นช่วงที่เรากำลังลง แต่ไม่ถึงกับว่า ต้องกอบกู้ เพียงแต่ว่าเราจะพาประชาธิปัตย์ เดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง มีหลักการและอุดมการณ์เดิม ให้พรรคประชาธิปัตย์เข้มแข็งขึ้น ให้ประชาธิปัตย์ เปิดกว้างมากขึ้น คือสิ่งที่ผมจะบอกว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคประชาธิปัตย์ นี้คือเป้าหมาย ที่ก็พูดมาตั้ง 2-3 ปีแล้วว่า ประชาธิปัตย์ ต้องมีการเปลี่ยนแปลงหลังการเลือกตั้ง วันนี้ถามว่า รู้หรือไม่ ทำไมผมพูดแบบนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมไม่ได้บอกกับสังคม เพราะว่าผมยึดหลักการพรรคประชาธิปัตย์จริงๆ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ยุคหัวหน้า จุรินทร์ แล้วผมเป็นเลขาธิการพรรค หมดวาระวันที่ 15 พ.ค. 2566 ซึ่งการเลือกตั้งมีวันที่ 14 พ.ค. 2566 ถึงบอกว่า หลังการเลือกตั้ง จะมีการเปลี่ยนแปลงในพรรคประชาธิปัตย์ นี้คือเหตุผลที่ผมบอก เป็นเหตุผลที่ หลายๆครั้ง ที่มีข่าวว่าประชาธิปัตย์มีปัญหา ผมยืนอยู่เคียงข้างหัวหน้าจุรินทร์ ด้วยหลักการประชาธิปัตย์ และไม่ต้องมาอ้างว่า คนโน้นคนนี้ เป็นคนช่วยหัวหน้าจุรินทร์ ผมนี้แหละครับ เป็นคนค้ำหัวหน้าจุรินทร์ ไปถามได้ ท่านยังอยู่ ลองไปถาม ไปถามได้ ทุกเหตุการณ์

ย้ำว่า คำว่า”ค้ำ”คืออะไร นายเฉลิมชัยกล่าวว่า ทุกอย่าง ในหน้าที่การเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อพรรคและหัวหน้า นี้คือสิ่งที่ผมทำ และไม่ต้องการให้ประชาธิปัตย์ เสียหลักการ ประชาธิปัตย์ ไม่เคยปลดหัวหน้าพรรคกลางคัน ความจริง ผมไม่อยากจะพูด แต่หลาย ๆคนออกมาพูด เหมือนกับตัวเองเอาความชอบ เหมือนกับว่าตัวเองเป็นคนกำหนด แต่ข้อเท็จจริง บุคคลต่างๆที่อยู่ในกลุ่มนั้น ยังมีชีวิตอยู่ มันไม่สามารถจะหลอกได้ หลอกตัวเอง นะหลอกได้ แต่หลอกข้อเท็จจริง ความจริง หลอกไม่ได้

ถามต่อไปว่า ก่อนหน้านี้ตอนเกิดเหตุคดี ปริญช์ พานิชภักดิ์ ก็มีการเคลื่อนไหวจะให้กรรมการบริหารพรรคลาออกกัน เพื่อจะได้ทำให้ นายจุรินทร์ ออกจากหัวหน้าพรรค แต่ได้เข้ามาค้ำไว้ ถูกต้องหรือไม่ นายเฉลิมชัยกล่าวว่า จริง ๆแล้ว มันก่อนหน้านั้นอีกที่จะมีปัญหาภายใน ซึ่งผมบอกแล้วว่า การพูดปัญหาภายในกัน ไม่ใช่วิสัยที่ผมจะทำ พูดแล้ว พรรคก็เสียหาย แต่วันนี้หลายๆ คนเพื่อประโยชน์ตัวเอง ก็พยายาม เอาสิ่งนี้มาพูด ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในวงจรตรงนั้น หรือมีคนไปเท็จทูลให้ฟัง ถามนายจุรินทร์ จะรู้ดีที่สุด ว่าอะไรเกิดขึ้น หรือถามกรรมการบริหารพรรค ถามส.ส. ที่เป็นผู้หญิงในพรรค แล้วจะทราบ รายชื่อก็ยังมี วันนี้ทุกคนยังอยู่ครบ ทุกคนไม่ได้ไปไหน ลองไปถามดูแล้วความจริงจะปรากฏ แต่ความจริงอะไรก็แล้วแต่ ภายในพรรค พูดแล้วพรรคเสียหาย ผมไม่ทำ ถึงวันนี้ ผมก็ไม่ทำ

เมื่อถามว่าที่ไม่ใช่คำว่า กอบกู้พรรค แล้วจะใช้คำว่าอะไร นายเฉลิมชัย กล่าวว่า เปลี่ยนแปลงพรรค ฟื้นฟูพรรค อันดับแรก ผมจะทำภาพนี้ให้เกิดขึ้น ไม่เกินวันประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคประชาธิปัตย์ ที่อยู่ในช่วงประมาณต้นเดือนเมษายน 2567 คือเป็นภาพที่เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงหลายเรื่อง ทั้งเชิงโครงสร้าง -แนวทาง -วิธีการและภาพลักษณ์

“โดยเรื่องอุดมการณ์แน่นอนอยู่แล้ว ผมยืนยันจะเอาหลักการประชาธิปัตย์ กลับมาสู่ประชาธิปัตย์ แล้วต้องบอกเลยครับ หลายปีที่ผ่านมา มันหลักกูทั้งหมด ไม่ใช่หลักการ แต่ผมจะเอาหลักการกลับคืนมา ในวันที่ผมเป็นหัวหน้า แล้วเมื่อทุกอย่างจบ ผมก็จบ ก็โอเค ผมอยู่พรรคประชาธิปัตย์มา 22 ปี ส่วนตัว ผมยอมที่จะเจ็บ แต่ผมจะไม่ยอมทำให้พรรคเสียหาย ทุกครั้งและหลายครั้ง ผมก็โดนแบบเจ็บแทบตายเหมือนกัน แต่พรรคต้องอยู่”

Thepoint #Newsthepoint

ปชป #ประชาธิปัตย์

เฉลิมชัยศรีอ่อน

Must Read

Related News

- Advertisement -