นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า และว่าที่ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต9 หลักสี่-จตุจักร ย้ำถึงจุดยืนไม่แก้ไข ม.112 โดยระบุว่า ผมยึดแนวไม่แก้ไข ม.112 โดยเสนอแนวทาง “กรรมการกลั่นกรองคดี 112“ ซึ่งท่านนายกฯ เห็นชอบแล้ว แนวคิดนี้คืออะไร ? เป็นผลดีต่อสถาบันที่เราเคารพรักอย่างไร? ขอชี้แจงดังนี้
1.ต้องอ่านหนังสือราชการ ที่ผมเสนอและท่านนายกฯ เห็นชอบให้ครบถ้วน การมีคณะกรรมการกลั่นกรอง ม.112 ก็ “เพื่อใช้ประกอบดุลพินิจในการดำเนินคดีของเจ้าพนักงานสอบสวน” (ในหนังสือระบุชัด) ไม่ใช่การแทรกแซงอำนาจพนักงานสอบสวน อำนาจยังอยู่ที่เดิม และอยู่ในการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
2.การเอาแนวคำพิพากษาฎีกามาประกอบการพิจารณาของตำรวจ อัยการ ในการสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้อง เป็นเรื่องปกติ กรณีแนวฎีกาเรื่อง 112 ในมหาวิทยาลัยไม่ค่อยสอนกัน ถ้ามีกรรมการผู้เชี่ยวชาญรวบรวมไว้ จะสะดวก รวดเร็ว เป็นธรรมในการพิจารณาคดีของตำรวจ
3.ใครผิดชัดเจนก็โดนแน่ๆ ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีเรื่องลดโทษ ไม่เกี่ยวกับคดีที่อยู่ในศาลแล้ว หรือ ศาลตัดสินแล้ว
- คนที่มีเจตนา “ปกป้องสถาบัน” จะได้รับการคุ้มครอง ในอดีตมีคนมีเจตนาที่ดีในปกป้องสถาบัน แต่ได้พูดซ้ำในบางข้อความที่เป็นปัญหา ทำให้โดนคดี ต้องสู้อยู่หลายปีจนถึงชั้นฎีกา ซึ่งกรณีแบบนี้ใช้เป็นบรรทัดฐานได้ ใครปกป้องสถาบันในลักษณะเดียวกัน ไม่ได้มีเจตนากระทำผิด ก็สามารถสั่งยุติคดี ไม่ฟ้องได้ตั้งแต่ชั้นตำรวจ ไม่ต้องเสียเวลายาวนานถึงฎีกา
.
เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มั่นคงจากรุ่นสู่รุ่น เราคุยกันได้ สร้างความชัดเจนได้ เพื่อสร้างทางออกให้เกิดขึ้นในสังคม ผมขอนำเสนอเรื่อง ม.112 ไว้เท่านี้ จากนี้จะนำเสนอนโยบายเศรษฐกิจปากท้องต่อไปครับ
.