หน้าแรกเศรษฐกิจ'อดีตขุนคลัง'ออกเตือน!!เศรษฐกิจส่อตกต่ำทั่วโลก จี้รัฐบาลอย่าทำนโนบาย'เฉือนเนื้อคนจน เอาไปแปะคนรวย'

‘อดีตขุนคลัง’ออกเตือน!!เศรษฐกิจส่อตกต่ำทั่วโลก จี้รัฐบาลอย่าทำนโนบาย’เฉือนเนื้อคนจน เอาไปแปะคนรวย’

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ประชาชนคนไทยเรียกร้องเรื่องพลังงาน เมื่อวานนี้ ที่ลานคนเมือง กทม. ผมได้อธิบายแก่ประชาชนว่า ราคาน้ำมันที่แพงนั้น เกิดจาก 2 สาเหตุ สาเหตุที่หนึ่ง เกิดจากราคาตลาดโลกแพงขึ้น ซึ่งประชาชนทั่วโลกจะต้องยอมรับ แต่การที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ใช้กองทุนน้ำมันสร้างหนี้ให้แก่ประชาชน เพื่ออุดหนุนให้ประชาชนใช้น้ำมันถูก จนบัดนี้มีหนี้เกิน 1 แสนล้านบาทไปแล้ว สูงสุดในประวัติศาสตร์ แทนที่จะเน้นให้ทุกคนหาทางประหยัด นั้น เป็นการสร้างคะแนนนิยมให้แก่ตนเองที่ผิด
.
สาเหตุที่สอง เกิดจากโรงกลั่นน้ำมันเอากำไรแบบไม่เป็นธรรมแก่คนไทย กำไรโรงกลั่นนั้น มี 3 ระดับ ระดับที่หนึ่ง คือกำไรเบื้องต้นจากการกลั่นปกติ ซึ่งไม่เกินอัตราปกติธุรกิจคล้ายคลึงกับธุรกิจอื่นๆ อันอ้างอิงได้จากตลาดทุน เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ผลตอบแทนพอจะคุ้มแก่การลงทุน แต่ไม่โอเว่อร์ กำไรระดับที่หนึ่งนี้ ประชาชนคนไทยรับได้ แต่รัฐโดยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ต้องออกกฎบังคับเพดาน
.
ระดับที่สอง คือกำไรที่เดิมรัฐกำหนดกติกาอ้างอิงราคาน้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์ เพราะเดิมไทยมีกำลังกลั่นในประเทศไม่เพียงพอ ต้องนำเข้าเสริมจากสิงคโปร์ แต่สถานการณ์เปลี่ยนไป เมื่อสิบห้าปีก่อน ไทยเริ่มมีกำลังกลั่นพอใช้ในประเทศแล้ว แต่รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานละเลย มิได้ยกเลิกกติกานี้ ทั้งที่ขณะนี้ กำลังการกลั่นในไทยเกินกว่าการใช้ในประเทศถึง 1 ใน 5
.
การอ้างอิงราคาสิงคโปร์ทั้งที่สถานการณ์เปลี่ยนไป จึงเปิดช่องให้โรงกลั่นได้กำไรพิเศษ โดยสามารถบวกค่าขนส่งและค่าประกัน ที่มิได้จ่ายจริง เป็นค่าใช้จ่ายทิพย์ ส่วนข้ออ้างของโฆษกกระทรวงพลังงาน ที่อ้างว่าถ้าหากราคาขายน้ำมันสำเร็จรูปในไทยสูงเกินไป ก็ย่อมจะมีผู้นำเข้าจากสิงคโปร์มาแข่งนั้น ไม่เกิดขึ้นได้จริง เพราะราคาสิงคโปร์เป็นร่มที่คุ้มหัวโรงกลั่นในไทย โดยไม่ว่าผู้ใดนำเข้า ต้นทุนก็จะมีค่าขนส่งและค่าประกันภัย จึงเป็นการคุ้มครองโรงกลั่นในไทยโดยอัตโนมัติ
.
ส่วนข้ออ้างว่า ถึงแม้ไม่มีผู้ใดนำเข้า โรงกลั่นในประเทศก็สามารถจะแข่งขันกัน ทำให้ราคาลดลง นั้น ก็ไม่เกิดขึ้นได้จริง เพราะโดยสภาพของธุรกิจนี้ในไทย ยังไม่แข่งขันเสรีอย่างแท้จริง ตราบใดที่ยังมีบริษัทพลังงานผูกขาดบริษัทหนึ่งมีหุ้นและสามารถควบคุมกำลังกลั่นได้เกินกึ่งหนึ่งในประเทศ อันเป็นโรงกลั่นส่วนใหญ่ โรงกลั่นส่วนน้อยย่อมจะถือโอกาสซุกตัวอยู่ใต้ร่ม ย่อมจะถือโอกาสตักตวงเอากำไรระดับที่สองนี้เข้ากระเป๋าไปด้วย กำไรระดับที่สองนี้ ประชาชนคนไทยรับไม่ได้ ดังนั้น รัฐโดยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ต้องออกกฎ ยกเลิกการกางร่มคุ้มครองโรงกลั่นเสียที
.
ระดับที่สาม คือกำไรลาภลอยจากปัญหาโรงกลั่นในโลก นโยบายโลกร้อนได้บีบลดการลงทุนในธุรกิจพลังงานฟอสซิลมาหลายปีแล้ว ทำให้สหรัฐและยุโรปไม่มีการสร้างโรงกลั่นใหม่ กำลังการกลั่นในโลกเริ่มลดลงตั้งแต่ปี 2564 ทำให้น้ำมันสำเร็จรูปในสหรัฐและยุโรปขาดแคลน จึงเปิดช่องให้โรงกลั่นในสหรัฐ ยุโรป และสิงคโปร์ สามารถบวกกำไรลาภลอยสูงขึ้นมาตั้งแต่ปี 2564 ต่อมา การที่ประเทศตะวันตกแซงชันน้ำมันรัสเซีย สืบเนื่องจากสงครามยูเครน ทำให้กระทบการกลั่นน้ำมันอย่างหนัก เพราะบางโรงกลั่นในยุโรปไม่สามารถเปลี่ยนชนิดน้ำมันได้ง่าย
.
จึงเปิดช่องกว้างขวางใหญ่โตมากขึ้น ทำให้โรงกลั่นในสิงคโปร์และอินเดียในการขายน้ำสันสำเร็จรูปส่งออก นั้น สามารถบวกกำไรลาภลอยสูงขึ้น อย่างไม่เคยมีมาก่อน ปรากฏว่ากฎของกระทรวงพลังงาน เปิดช่องให้โรงกลั่นในไทย สามารถบวกกำไรลาภลอยในราคาขายส่งในไทยไปด้วย ทั้งที่ไม่ใช่การขายส่งออกไปยังประเทศอื่น และทั้งที่ต้นทุนการกลั่นต่อลิตรในไทย ไม่ได้เพิ่มขึ้นเท่าไหร่
.
กฎของกระทรวงพลังงานนี้เอง ที่เป็นต้นเหตุให้ค่าการกลั่นในไทย บวกขึ้นไปกว่าเดิม ลิตรละ 3-4 บาท และเมื่อคูณกับปริมาณการใช้น้ำมันในประเทศต่อวัน 100 ล้านลิตร กฎดังกล่าว จึงทำให้โรงกลั่นสามารถจะได้กำไรลาภลอย 300-400 ล้านบาทต่อวัน หรือ 1.0-1.4 แสนล้านบาทต่อปี เงินจำนวนดังกล่าว ที่กฎของกระทรวงพลังงานเอื้อให้โรงกลั่นได้กำไรลาภลอยนั้น ต้องควักกระเป๋าออกไปจากคนไทยทั้งสิ้น คนไทยซึ่งเป็นเจ้าของประเทศ ได้แต่ทำตาปริบๆ
.
กำไรระดับที่สามนี้ ประชาชนคนไทยรับไม่ได้ ดังนั้น รัฐโดยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ต้องออกกฎ ยกเลิกการเปิดช่องโล่งสะดวก ที่โรงกลั่นจะเอากำไรลาภลอย เฉือนเนื้อคนไทย ต้องทำทันที และรัฐบาลจำเป็นต้องออกพระราชกำหนดเพื่อเก็บภาษีลาภลอยเป็นกรณีพิเศษ สำหรับกำไรที่ฉกฉวยเอาเข้ากระเป๋าไปแล้ว ก่อนหน้าที่จะมีการแก้ไขกฎให้ถูกต้อง ทั้งนี้ รัฐโดยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ต้องออกกฎห้ามโรงกลั่นส่งออก อันจะทำให้มีน้ำมันสำเร็จรูปไม่พอใช้ในประเทศอีกด้วย
.
ผมขอเตือนว่า เศรษฐกิจมีแนวโน้มจะตกต่ำทั่วโลก คนไทยกำลังจะลำบาก ถ้าพลเอกประยุทธ์นิ่งไม่สนใจ ปล่อยให้ปัญหานี้กัดกร่อนประชาชน คนไทยก็จะยิ่งลำบากหนักขึ้น จงอย่าทำนโนบายที่เข้าลักษณะ เฉือนเนื้อคนจน เอาไปแปะให้คนรวย!
.

ThePOINT #ข่าวเศรษฐกิจ #ธีระชัยภูวนาถนรานุบาล #อดีตรมวคลัง #วิกฤตพลังงาน #สินค้าแพง #วิกฤตเศรษฐกิจ

Must Read

Related News

- Advertisement -