วานนี้( 16 ก.ย.) คณะกรรมาธิการการสื่อสารโทรคมนาคมและดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) สภาผู้แทนราษฎร ที่มี น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน นัดประชุมเพื่อพิจารณา เรื่อง กรณีภัยคุกคามทางไซเบอร์ โดยการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของโรงพยาบาลในระบบสาธารณสุข โดยเชิญตัวแทนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง โดยนายอนันต์ กนกศิลป์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงสาธารณสุข ชี้แจง โดยยอมรับว่า ระบบข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาโควิด ไม่มีกฎหมายรองรับ และในสถานการณ์โควิด-19 ทำให้มีระบบข้อมูลที่อยู่นอกสถานพยาบาล หากยกเลิกการประกาศใช้ พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน อาจทำให้ไม่มีหน่วยงานใดรับผิดชอบ ทั้งนี้หน่วยงานของสาธารณสุขไม่มีหน่วยงานใดรองรับเรื่องดังกล่าวเช่นกัน
.
นอกจากนี้ยอมรับว่า กระทรวงสาธารณสุขไม่มีงบประมาณเพื่อพัฒนาระบบข้อมูลให้มีความทันสมัย ซึ่งระบบบิ๊กดาต้าที่มีอยู่เป็นระบบที่มาจากมรดกตกทอด โดยกระทรวงได้กำหนดนโยบาย ให้มีการเปลี่ยนผ่านระบบ เริ่มจากหน่วยงานภายในระบบสาธารณสุขก่อน การทำสิ่งเหล่านี้ได้ต้องใช้งบประมาณมากถึง 2.2หมื่นล้านบาท โดยโรงพยาบาลดูแลเองตามเกณฑ์มาตรฐาน หากใช้ระบบคลาวด์ จะใช้งบ 1.1 หมื่นล้านบาท
.
ด้านพ.ต.อ.ณัทกฤช พรหมจันทร์ เจ้าหน้าที่สำนักงานคระกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ยอมรับว่าข้อมูลที่ถูกดึงออกไปจากระบบ ซึ่งเป็นข้อมูลคนไข้ แต่ไม่ใช่ข้อมูลการรักษาผู้ป่วย ซึ่งโรงพยาบาลทำขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกภายใน แต่ยอมรับว่า สร้างผลกระทบ อย่างไรก็ดีระบบของโรงพยาบาลต่างๆ ยังมีความอ่อนแอ โดย สกมช.เตรียมเข้าไปช่วยเหลือ โดยตรวจสอบระบบที่อ่อนแอ เป็นจุดอ่อนและหาทางป้องกัน ซึ่งกับข้อมูลที่ถูกดึงออกไป สกมช. พยายามติดต่อคนร้ายเพื่อล่อซื้อมีข้อมูล
.
“ขณะนี้ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าใครเป็นเจ้าของระบบ และอนาคตอาจมีกรณีที่ควบคุมไม่ได้ เพราะประชาชนหรือเพจต่างๆ สามารถเข้าถึงได้ด้วยตนเอง หรือ ระดมเป็นนักสืบเพื่อหาข้อทูลและอาจถูกโจมตีเป็นประเด็นได้เรื่อย” พ.ต.อ.ณัทกฤช กล่าว
.
- Advertisement -