จากกรณีล่าสุดที่ “กะเทยไทย” ทนไม่ไหวออกมารวมตัวกันหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งภายในซอยสุขุมวิท 11/1 เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2567 รอปะทะกับ “กะเทยฟิลิปปินส์” หลังกลุ่มกะเทยฟิลิปปินส์กว่า 20 คน รุมทำร้ายกะเทยไทย 2 คน จนได้รับบาดเจ็บแล้วได้นำคลิปวิดีโอไปโพสต์ลงในกลุ่มต่างๆ ในลักษณะเยาะเย้ยถากถาง ทางตำรวจได้เข้ามาห้ามปรามขอความร่วมมือไม่ให้ก่อความรุนแรง เหตุการณ์จึงสงบลง
ทำให้สังคมตั้งคำถามว่าชาวต่างชาติถึงการเดินทางเข้าประเทศว่าเข้ามาทำงานได้ถูกต้องหรือไม่ด้วย หากย้อนรอยไปดูชาวต่างชาติในประเทศไทยที่ได้ทำผิดกฎหมายส่วนใหญ่จะก่อเหตุบริเวณย่านนานา-สุขุมวิท ที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
อาทิ เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2566 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2/โฆษก สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.รัฐโซติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม. ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาชาวจอร์แดนที่เข้ามาประกอบอาชีพขอทานในไทย
ทางเจ้าหน้าที่ ตม.ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการย่านซอยนานา เขตสุขุมวิท กทม. ว่ามีคนต่างด้าวแต่งกายชาวอาหรับ ตระเวนขอเงินกับนักท่องเที่ยวและร้านค้า สร้างความเดือดร้อนรำคาญ จึงได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มคนต่างด้าวดังกล่าวเป็นกลุ่มคนสัญชาติจอร์แดน ซึ่งรวมตัวพักอยู่ในโรงแรมย่านซอยนานา โดยจะนัดรวมตัวกันบริเวณหน้าห้างนานาสแควร์ จากการตรวจสอบพบว่า การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด จึงได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าวดังกล่าว
นอกจากนั้นช่วงเวลาต่อมา (19 ม.ค. 2567) ได้มีเหตุตำรวจปราบปรามยาเสพติด หรือ บช.ปส. เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น Operation Mouse Hunt 2 ซึ่งเป็นปฏิบัติการสืบเนื่องจากแนวนโยบายทลายเครือข่ายกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดผิวสีที่แฝงตัวค้ายาเสพติดในประเทศ โดยปฏิบัติการรอบนี้ได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นแมนชั่น 2 จุด ในพื้นที่ย่านอุดมสุข เขตพระโขนง เพื่อจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 11 หมายจับ ผู้ต้องหา 10 ราย
สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 5 คน แบ่งเป็นสัญชาติไนจีเรีย 4 รายและสัญชาติไอเวอรี่โคส 1 ราย ในข้อหาจำหน่ายยาเสพติดให้โทษแบบประเภท 1 ส่วนผู้ต้องหาอีก 5 หมายที่เหลือ กำลังติดตามตัวมาดำเนินคดี
พร้อมทั้งสามารถควบคุมตัวผู้เข้าข่ายกันทำความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 จำนวน 9 ราย ประกอบไปด้วย อยู่ในประเทศแบบ Overstay 3 คน หลบหนีเข้าเมือง 1 คน และไม่พบหนังสือเดินทางหรือเอกสารประจำตัวอีก 5 ราย ซึ่งทั้งหมดนี้จะนำตัวไปตรวจสอบสัญชาติและดำเนินคดีกับตำรวจ ตม. ต่อไป
โดยปฏิบัติการ “นานาอุ่นใจ” เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อปราบปรามการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในหมู่นักท่องเที่ยวผิวสี หลังประชาชนร้องเรียนว่ามีกลุ่มชาวต่างชาติจำหน่ายยาเสพติดให้นักท่องเที่ยวอย่างโจ่งแจ้ง และมีนักท่องเที่ยวเสพโคเคนเกินขนาดจนเสียชีวิต 1 ราย
ด้วยการกระทำผิดชองชาวต่างชาติเหล่านี้ ทำให้สังคมตั้งคำถามถึงความปลอดภัยของคนไทย และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในไทย ที่อาจจะสร้างความอันตรายถึงแก่ชีวิต รวมไปถึงกระทบถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทย โดยวอนให้ภาครัฐออกมาตรการเด็ดขาดก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปมากกว่านี้
