วันที่ 9 ก.ค. รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า สถานการณ์ทั่วโลก 9 กรกฎาคม 2564 ทะลุ 186 ล้านไปแล้ว ตอนนี้ภาพรวมการติดเชื้อกำลังไต่ขึ้น อันเป็นผลจากการแพร่ของสายพันธุ์เดลต้าในหลายต่อหลายประเทศทั่วโลก
.
คาดการณ์ทางสองแพร่งของไทยเรา ตอนนี้เรามีการระบาดรุนแรง คุมไม่ได้ และยืดเยื้อมายาวนานหลายเดือน ธรรมชาติของโรคระบาดลักษณะแบบนี้ พอปล่อยให้กระจายมากและนาน พื้นที่ต่างๆ จะเปลี่ยนไปเป็นแดนดงโรคระยะยาว หรือหากใช้ภาษาดอกไม้คือกลายเป็นโรคประจำถิ่น (ซึ่งโดยแท้จริงแล้วป้องกันได้ แต่นโยบายและมาตรการต่างๆ ที่ดำเนินมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วนั้นไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ)
.
ความลำบากในการแก้ไขสถานการณ์แบบนี้ของโรคโควิด-19 ในประเทศคือ หนึ่ง ทางเลือกในการดูแลรักษามีจำกัด และประสิทธิภาพในการรักษาของหยูกยาที่มีนั้นก็ไม่ได้ดีมากนักเมื่อเทียบกับโรคติดเชื้ออื่นหลายโรคที่กินยาฆ่าเชื้อก็หาย นอกจากนี้ทรัพยากรที่เกี่ยวข้องในระบบการดูแลรักษา ทั้งคน เงิน ของ เตียง ก็กำลังประสบปัญหากับภาวะล้น
.
สอง อาวุธป้องกันคือวัคซีนที่มีในไทยนั้นมีปริมาณจำกัด และชนิดที่เลือกซื้อมาใช้นั้นก็มีประสิทธิภาพจำกัดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ทำให้โอกาสจะได้ประสิทธิภาพรวมในการควบคุมการระบาดก็จะน้อยกว่า แม้จะอ้างว่าลดโอกาสป่วยรุนแรง หรือลดโอกาสเสียชีวิตได้ก็ตาม
.
สาม ระบบการตรวจคัดกรองโรคมีจำกัดจำเขี่ย ทำได้น้อย ไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ เกิดคอขวดดังที่เห็นเป็นข่าว ไม่สามารถรองรับความต้องการจำเป็นในการตรวจของประชาชนได้
.
สี่ ผลกระทบจากนโยบายอื่นที่จะนำความเสี่ยงต่อการระบาดซ้ำเติมเข้ามาในประเทศ ได้แก่ นโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งเริ่มมาแล้วตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และนโยบายเปิดประเทศใน 120 วัน ก็จะเป็นปัจจัยหนุนเสริมให้ปัญหาการระบาดทวีความรุนแรงขึ้นจากเดิมได้ เพราะเสี่ยงทั้งการนำเชื้อจากนอกประเทศเข้ามา และเสี่ยงจากการเปิดกิจการกิจกรรมต่างๆ ทำให้มีการพบปะ สังสรรค์ รวมกลุ่มใกล้ชิด บันเทิงกัน อันเป็นปัจจัยที่ครบองค์สำหรับการระบาด
.
ทางสองแพร่งของไทย ที่ทุกคนคงรอการตัดสินใจจากศบค.ในวันนี้คือ จะล็อคดาวน์หรือไม่? เดาใจกัน…ไม่ว่าจะใช้คำว่าล็อกดาวน์ด้วยความแสลงใจหรือจั๊กจี้หัวใจ หรือจะเลี่ยงไปใช้วาทกรรมสวยหรูอื่นก็ตาม แนวทางน่าจะหนีไม่พ้น 2 แนว
.
- ล็อกเฉพาะพื้นที่/จังหวัด/กลุ่มจังหวัด/ภูมิภาค ที่มีการระบาดหนัก
- ล็อคทั้งประเทศ
. - จากบทเรียนต่างประเทศ ที่ประสบความสำเร็จในการหยุดการระบาด การล็อกเฉพาะพื้นที่นั้น จะสำเร็จก็ต่อเมื่อเริ่มทำตั้งแต่แรก มีจำนวนเคสไม่มาก และปูพรมตรวจคนในพื้นที่นั้นอย่างเข้มข้น โอกาสสำเร็จก็จะมีมากและใช้เวลาล็อคสั้นเพียงระดับสัปดาห์
.
แต่หากมีการระบาดหนัก กระจายไปทั่ว และปล่อยไว้ยาวนานหลายเดือน ไม่มีทางที่แนวทางการล็อกเฉพาะพื้นที่ที่ระบาดหนักจะได้ผล ประเทศต่างๆ จึงตัดสินใจล็อคทั้งประเทศ และเร่งการตรวจคัดกรองโรคอย่างเข้มข้น โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีโอกาสสำเร็จได้ แต่ใช้เวลาล็อกยาวนานระดับเดือนหรือหลายเดือน โดยมีข้อแม้เรื่องระบบการตรวจคัดกรองโรคต้องมีมากเพียงพอและทำได้ต่อเนื่อง และหากมีการใช้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง ย่อมมีโอกาสช่วยให้มีโอกาสกดการระบาดในระยะยาวได้ แต่ไม่สามารถหวังผลวัคซีนในการตัดวงจรการระบาดได้ในระยะสั้น
.
คราวนี้ก็มาถึง…What if…ที่ต้องมีหลายคนในวงคิดในใจ ไทยแลนเดอร์อย่างฉันจะล็อคเฉพาะพื้นที่ในสถานการณ์ปัจจุบัน จะมีอะไรไหม ฉันจะประคับประคองเศรษฐกิจไปให้ได้ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดเช่นนี้ได้ไหม?
.
คำตอบคือ หากทำเช่นนั้น สิ่งที่จะต้องเตรียมเผชิญคือ การระบาดซ้ำซากไปเรื่อยๆ ทั่วประเทศครับ และการล็อคพื้นที่นั้นๆ โดยใช้โครงสร้างบริการเดิมที่มีความจำกัดจำเขี่ยด้านการตรวจคัดกรอง และวัคซีนที่มีใช้ตอนนี้ การล็อกจะไม่ได้ผลเท่าใดนัก และต้องใช้เวลายาวนานเป็นเดือนๆ โอกาสที่ประชาชนในพื้นที่จะยืนหยัดสู้ได้ในระยะยาวคงลำบาก หากเลือกทางนี้คงต้องหาทางวางแผนช่วยเหลือกันยาวๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม
.
เอาล่ะ…ไม่ว่าจะออกมาทางใด สิ่งที่อยากเรียนพวกเราทุกคนไว้ให้เตรียมรับมือ ได้แก่ หนึ่ง หากประกาศล็อกเมื่อใด จะมีคนจะอยู่กับที่มากขึ้น ด้วยความชุกของการระบาดที่มากแบบปัจจุบัน จะมีโอกาสเกิดปัญหาการติดเชื้อแพร่เชื้อภายในที่อยู่อาศัยมากขึ้นอย่างมาก ทั้งในบ้าน หมู่บ้าน หอพัก อพาร์ตเมนท์ แฟลต คอนโด รวมถึงชุมชนที่คนอยู่กันอย่างใกล้ชิดแออัด
.
ดังนั้น ขอให้ตระหนักถึงเรื่องนี้ และเตรียมเรื่องพื้นที่ในบ้านหรืออื่นๆ เพื่อแยกกักตัวสังเกตอาการเวลาไม่สบาย หมั่นสังเกตอาการตนเองและสมาชิกในครอบครัวหรือที่อาศัยในพื้นที่เดียวกัน ถามไถ่อาการผิดปกติเป็นประจำ พยายามอยู่กันห่างๆ และหากไม่สบาย ต้องรีบหาทางไปตรวจรักษา การมีเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์ไว้ติดต่อปรึกษาทางโทรศัพท์ในพื้นที่ก็จะดี
.
สอง ล็อกครั้งนี้ไม่ว่าจะแบบใด มีโอกาสสูงที่จะเห็นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อชีวิต เศรษฐกิจ สังคม อย่างมาก เพราะมีทั้งคนติดเชื้อคงค้างจำนวนมาก ป่วยรุนแรงจำนวนไม่น้อย รวมถึงคนที่ยังไม่ติดเชื้อแต่ทรัพยากรร่อยหรอไปมากจนไม่น่าจะยืดหยัดสู้เองได้ ระบบรัฐสวัสดิการไม่มีทางเยียวยาได้ทันหรือเพียงพอ จึงมีโอกาสเกิดปัญหาอัตวินิบาตกรรม อาชญากรรม และอื่นๆ ได้สูง
.
ดังนั้นจึงอยากเรียนขอให้พวกเราทุกคน ใครพอมีกำลัง ก็ช่วยเหลือแบ่งปันคนที่อยู่ในละแวกเดียวกัน ไม่ว่าจะเรื่องอาหาร น้ำดื่ม ที่พักพิง หรือจ้างงานเล็กๆ น้อยๆ หรือแลกเปลี่ยนทรัพยากรที่จำเป็นในการดำรงชีวิต โดยไม่ใช้เงิน สุดท้ายที่ต้องเน้นย้ำคือ การใส่หน้ากากสำคัญมาก สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า ขอให้เรามีแรงกายแรงใจ ร่วมกันสู้ไปด้วยกัน
.