ดร.นพ.จรุง เมืองชนะ กรรมการนโยบายพรรคสร้างอนาคตไทย และอดีตผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า แม้ว่ารัฐบาลจะประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น อนุญาตให้ประชาชนดำเนินชีวิตและเดินทางได้อย่างปกติแล้ว เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมเช่นเดียวกับนานาประเทศทั่วโลก แต่เนื่องจากโรคดังกล่าวเป็นโรคที่ติดต่อโดยง่ายและมีแนวโน้มเสี่ยงต่อการกลายพันธุ์ ดังนั้น จึงขอเรียกร้อง 5 ข้อหลักสำคัญที่รัฐบาลควรจะต้องดำเนินอย่างต่อเนื่องโดยไม่ละเลย เพื่อป้องกันความเสี่ยงจาสถานการณ์โรคไวรัสโควิด 19 ที่อาจจะกลับมารุนแรงสร้างผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน ระบบสาธารณสุข และระบบเศรษฐกิจของประเทศ ดังนี้
1.เรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเก็บข้อมูลการป่วย การตาย และการเปลี่ยนแปลงของเชื้อโรคชนิดนี้ให้เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง 2.เรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมกันสื่อสารสร้างความเข้าใจอย่างทั่วถึง 3.รัฐควรสนับสนุนและแนะนำให้ประชาชนยังคงสวมหน้ากากอนามัย ใช้แอลกอฮอล์เจลล้างและทำความสะอาดมือ และรักษาระยะห่างในทุกโอกาสที่สามารถทำได้
.
4.กระทรวงสาธารณสุขควรทบทวนการรักษาโดยการเลือกใช้ยาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพสูงซึ่งได้รับ การพิสูจน์แล้วอย่างชัดเจนและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ควรยุติการใช้ยาต้านไวรัสที่นานาชาติเลิกใช้แล้ว และ 5.รัฐควรสนับสนุนส่งเสริม และติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาวัคซีนภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง
.
ขณะที่การรักษาโรคโควิด-19 การใช้ยาต้านไวรัส มีการพูดคุยว่าประเทศไทยใช้ยาโดยไม่มีข้อมูลสนับสนุนก็ใช้ได้อย่างมีประสิทธิผล แต่ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตก็ไม่ได้ใช้ยาลักษณะนี้แล้ว จึงสนับสนุนให้รัฐบาลศึกษาเพิ่มเติมให้มีข้อมูลสอดคล้องกับต่างประเทศ หรือหลีกเลี่ยงยาดังกล่าว เพราะมียาตัวอื่นให้เลือกใช้อยู่ ขณะเดียวกัน รัฐบาลควรสร้างความมั่นคงทางวัคซีนและชีววัตถุที่มีความสำคัญในอนาคต เช่น ยารักษามะเร็ง ดีใจที่ประเทศไทยสนับสนุนให้มีการผลิตยาเอง
.
อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานไม่ใช่เรื่องง่าย ปัจจุบันมีปัญหาเพราะต้องผ่านการอนุญาตให้ใช้ยาหรือทดสอบยาผ่านองค์การอาหารและยา (อย.) ซึ่ง อย.นั้นมีความเข้มแข็ง แต่ยังไม่พอต้องยกระดับให้มีคุณภาพมากกว่า เพราะมีปัญหาคอขวด จะพบว่าเมื่อวิจัยวัคซีนได้แล้ว ส่งเรื่องถึง อย.แล้ว อย.ก็ยังขาดผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นชอบ จึงชะลอไว้ก่อน เป็นการรอให้ประเทศอื่นทำเสียก่อน ประเทศไทยจึงดำเนินการทีหลัง จึงเสนอว่า อย.ควรออกจากกระทรวงสาธารณสุข ให้เป็นองค์กรอิสระ มีศักยภาพ พัฒนาอุตสาหกรรมเศรษฐกิจเรื่องของยาให้มีคุณภาพสูงมากขึ้น อยากให้รัฐบาลหันมาดูและขับเคลื่อน อย.สู่ความเป็นองค์กรอิสระ
.