หน้าแรกข่าวเด่น‘สนธิ’ ประกาศต้องสู้ชนะเท่านั้น! ขีดเส้นตายจี้ ‘อุ๊งอิ๊งค์’ ฉีก MOU44 ขายชาติ

‘สนธิ’ ประกาศต้องสู้ชนะเท่านั้น! ขีดเส้นตายจี้ ‘อุ๊งอิ๊งค์’ ฉีก MOU44 ขายชาติ

เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2567 นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วย นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา อดีตทนาย กปปส., นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต พร้อมด้วยมวลชนเดินทางมาที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ยกเลิก MOU 44 โดยมี นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เป็นตัวแทนรับหนังสือ

จากนั้นนายสนธิออกมาแถลงข่าว พร้อมนำสไลด์แผนที่แสดงภาพ ส.ค.ส. พ.ศ. 2547 ซึ่งเป็นภาพแผนที่ตามพระบรมราชโองการประกาศเส้นทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย พ.ศ. 2516 มาแสดง

นายสนธิกล่าวว่า ขอให้นายกฯ หยุดการปฏิบัติหน้าที่การดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ์เส้นไหล่ทวีปราชอาณาจักรไทยกับกัมพูชา (MOU 2544) และแถลงการณ์ร่วมระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร นายกฯไทยกับนายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา (JC2544) เพราะมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญฝ่าฝืนต่อพระบรมราชโองการ ในการประกาศทะเลอาณาเขตและเขตทะเลต่อเนื่อง

ตลอดจนประกาศเส้นเขตไหล่ทวีป ตามอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทางทะเล ค.ศ. 1985 และกฎหมายอื่น ๆ ซึ่งยังไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และยังไม่มีพระบรมราชโองการประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น จึงต้องถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติมาตราหนึ่งและมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560

ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้ปฏิบัติตามข้อเสนอภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือ

โดยข้อเรียกร้อง ได้แก่ ข้อ 1.ขอให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีรักษาไว้ซึ่งเอกราชและอธิปไตยของไทย และแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีป ซึ่งเป็นหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญของรัฐบาล

ข้อ 2.ขอให้นายกรัฐมนตรีเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณามีมติให้ส่ง MOU 2544 และ JC 2544 ต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติมาตราหนึ่งและมาตรา 224 ของรัฐธรรมนูญไทยหรือไม่

ข้อ 3.และหากศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า MOU 2544 และ JC 2544 ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญให้ยกเลิกการเจรจาตาม MOU 2544 และ JC 2544 เพื่อปฏิเสธเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาทันที

ข้อ 4.แต่หากศาลวินิจฉัยแล้วว่าไม่ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ขอให้ ครม. จัดให้มีการเจรจากับกัมพูชา เพื่อยกเลิก MOU 2544 และ JC 2544 ทันที โดยให้เจรจากันใหม่ภายใต้การกำหนดขอบเขตเฉพาะพื้นที่พัฒนาร่วมบนพื้นฐานโดยใช้หลักการของเส้นมัธยะ

ข้อ 5.ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค หรือ JTC ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยและมีการดำเนินการให้ถูกต้อง

และข้อ 6.ให้จัดเวทีสาธารณะแก่ประชาชนเรื่อง MOU 254 และ JC 2544 โดยให้ความรู้ความเข้าใจที่เป็นกลาง เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศ ทั้งนี้ ขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณากลับภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ ครม.ได้พิจารณา

นายสนธิกล่าวว่า มีคำถามว่าเอ็มโอยู 2544 เกิดขึ้นได้อย่างไร คำตอบคือเกิดขึ้นเพราะนายทักษิณที่เป็นนายกรัฐมนตรีในตอนนั้นจับมือกับนายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเพื่อร่างเอ็มโอยู 2544 ลากเส้นของตัวเองเข้ามากินในพื้นที่ของคนไทย และคนร่างเอ็มโอยู 2544 คือ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีต รมว.ต่างประเทศ ถามว่าทำไมถึงกล้าพอที่จะร่าง เหตุผลเพราะนายสุรเกียรติ์ต้องการให้นายทักษิณส่งเสริมให้ตัวเองเข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นเลขาธิการสหประชาชาติในตอนนั้น

นายสนธิกล่าวว่า ประเทศไทยไม่เคยมีพื้นที่ทับซ้อน แต่เรามีนายกฯ ทับซ้อน ตนกล้าพูดว่าเอ็มโอยู 2544 เป็นเอ็มโอยูขายชาติ ตนให้เวลารัฐบาลชุดนี้ 15 วัน หลังจากนั้นจะมาติดตามผล ซึ่งขั้นตอนต่อไปตนจะร้องเรียนต่อสภาผู้แทนราษฎร และจะส่งเอกสารให้ สส. สว. ทุกคนยืนยันสิทธิ์ของประเทศไทย หาก สส. สว. คนไหนลงมติเห็นชอบเอ็มโอยู 2544 จะถือว่าอยู่ในขบวนการร่วมกันขายชาติเช่นกัน หากอนาคตความจริงปรากฏจะทำให้ สส. สว. ที่ยกมือก็จะติดคุกติดตารางในฐานะขายชาติ

นอกจากนี้ ตนจะยื่นหนังสือร้องเรียนที่กระทรวงการต่างประเทศ เพราะต้องการให้กระทรวงการต่างประเทศ ข้าราชการ โดยเฉพาะกรมสนธิสัญญาได้รับทราบว่าถ้าท่านไม่ปกป้องอาณาเขตไทยร่างสัญญาใหม่แล้วตกลงทำตาม ท่านก็คือข้าราชการขายชาติเช่นกัน

“นี่คือประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ทำอะไรครั้งนี้ต้องทำด้วยความระมัดระวัง การต่อสู้ครั้งนี้จะต้องชนะลูกเดียว พวกแกนนำเก่า ๆ พากันพูดว่าไม่มีมวลชนแล้ว วันนี้ผมไม่ได้ปลุกระดมพ่อแม่พี่น้อง แต่ว่ามากันด้วยใจ ถ้าถึงเวลาที่จะต้องลงถนนกันก็จะมามากกว่านี้เป็นพันเท่า ถ้าอะไรที่เป็นของเราแล้วมาเอาไปก็ต้องเจอกัน บางคนพูดถึงเรื่องเก่าว่าประเทศไม่เดินหน้าเพราะการประท้วง และผมเป็นสารตั้งต้นความวุ่นวาย

ผมถามกลับว่าที่ประท้วงในปี 2548 เราประท้วงใคร และเรื่องอะไร ใช้เวลา 18 ปี เพื่อพิสูจน์ว่าความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว ให้นายทักษิณสารภาพผิด และบรรจุลงในราชกิจจานุเบกษาว่าได้คดโกงประเทศชาติอย่างไร ความจริงและประวัติศาสตร์รอมาตั้ง 18 ปี”

นายสนธิกล่าวว่า ขอถามถึงนายกฯ และพรรคเพื่อไทย ตนและพวกทำผิดตรงไหนที่ไม่ยอมส่งดินแดนของเรา ให้กับกัมพูชาเพียงเพราะนายกฯ ทับซ้อนบางคนมีข้อตกลงกัน จะแบ่งผลประโยชน์กันห้าสิบห้าสิบ

…..

#Thepoint #Newsthepoint

#สนธิ #รัฐบาลเพื่อไทย #อุ๊งอิ๊งค์ #นายกอิ๊งค์

#แพทองธาร #MOU44 #ไทยกัมพูชา #ทักษิณ #ม็อบ #เสื้อเหลือง

Must Read

Related News

- Advertisement -