นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กหัวข้อ“ตั้งคณะกรรมการแก้ไขเศรษฐกิจ การปรับลดของราคาพลังงาน/แนวโน้มการผ่อนคลายทางเศรษฐกิจ?” โดยระบุว่า ถึงเวลา “เกาให้ถูกที่คัน”เร่งแก้ปัญหาอย่างจริงจัง! เก็บมาฝากเรื่องปากท้อง สัปดาห์นี้ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณรัฐบาลที่ได้มีการตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจฯ ขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาราคาพลังงานผันผวนและการขาดแคลนพลังงานที่กำลังจะเกิดขึ้น
.
ในปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาผมเองได้มีการเรียกร้องให้มีแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพงแบบบูรณาการ และเสนอยกเรื่องน้ำมันเป็นวาระแห่งชาติ หวังใจเป็นอย่างยิ่งครับ ว่า คณะกรรมการชุดนี้จะสามารถเข้ามาเพื่อบูรณาการจากทุกภาคส่วนเข้ามาเป็น คลังสมอง แก้ไขปัญหาและผลัก GDP ให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้
.
อย่างที่ได้บอกไว้ว่าการแก้ไขปัญหาปากท้องต้องเอาจริงเอาจังทำให้เป็นวาระที่นายกฯ ลงมาบัญชาการเอง ผมจะคอยจับตาดูการทำงานของคณะกรรมการฯชุดนี้อย่างใกล้ชิด และจะนำเรียนพี่น้องประชาชนทุกท่านให้ทราบในอนาคตต่อไป!!! แต่ที่น่ายินดีในสัปดาห์นี้และมีท่าจะมีทิศทางคลายตัวมากยิ่งขึ้น คงเป็นสถานการณ์พลังงานตอนนี้ครับ สัปดาห์นี้ราคาพลังงานอย่างน้ำมันมีการปรับตัวลดลง ทั้งราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) และราคาน้ำมันดิบดูไบ
.
สาเหตุหลักๆ มาจากราคาน้ำมันโลกที่เริ่มปรับตัวลงมา ด้วยปัจจัยอย่าง เช่น การเพิ่มอัตราดอกเบี้ย 0.5% ของ ECB หรือธนาคารกลางยุโรป ในวันที่ 22 ก.ค. ซึ่งถือการเพิ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อในภูมิภาค อันจะนำไปสู่การถดถอยทางเศรษฐกิจและความต้องการการใช้น้ำมันปรับลดลงต่อไป
.
อีกอย่างหนึ่งที่จะต้องจับตามอง คือ การประชุม FED หรือ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ใน 26-27 ก.ค. ที่จะถึงนี้ ว่าจะมีนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ พุ่งสูง 9.1% เช่นเดียวกับก๊าซธรรมชาติที่ราคาก็ลดลงครับ ทั้งในตลาดเอเชียแปซิฟิก หรือ ยุโรป อย่างที่ยุโรปนี่ลดติดต่อกันเป็นวันที่ 5 หลังจากแก๊ซพรอม (Gazprom) รัฐวิสาหกิจรัสเซียกลับมาส่งออกก๊าซทางท่อน็อดสตรีม 1 (Nord Stream 1) ในวันที่ 21 ก.ค. 65 ตามปกติหลังเสร็จสิ้นการปิดซ่อมบำรุงประจำปี
.
ประกอบกับมีข่าวว่าสหรัฐฯ จะส่งออก LNG มายังเอเชียเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความตึงตัวของราคาก๊าซธรรมชาติในช่วงนี้ได้ลงบ้างพอสมควร สถานการณ์ทั้งหมดนี้ต้องติดตามกันต่อไปว่ายุโรปจะได้รับการส่งมอบและมีการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียอย่างไรต่อไป
.
ส่วนค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งตัวขึ้นนั้น แม้จะเป็นผลดีต่อการส่งออกในบ้านเราตามที่หลายคนคิด แต่ข้อควรพิจารณาอีกนิดคือ อัตราค่าเงินบ้านเราเมื่อเทียบกับหลายๆประเทศยังแข็งค่ากว่ามาก ฉะนั้นนัยยะนี้ การส่งออกไปในบางประเทศที่ค่าเงินเขาอ่อนกว่าเราอาจไม่เป็นผลดีต่อเราเท่าไหร่นัก
.
อย่างคู่ค้าของไทย อย่าง ญี่ปุ่น และEU พบว่า ค่าเงินบ้านบ้านเราเทียบกับเงินเยน แข็งค่าขึ้นกว่า 10 % ขณะที่ เงินบาทเทียบกับเงินยูโร แข็งค่าขึ้น 4.2% ซึ่งลักษณะแบบนี้เป็นการเทียบค่าเงินบาทกับค่าเงินของประเทศคู่ค้าและคู่แข่งของไทยซึ่งเรียกว่า ดัชนีค่าเงินบาทหรือ Nominal Effective Exchange Rate (NEER) ส่วนวิกฤตที่คงต้องติดตามในเวลานี้ คือ สถานการณ์ในเมืองจีนและผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะตามมา ทั้งการประกาศล็อกดาวน์ในเมืองสำคัญ ตามนโยบาย Zero COVID ของ ปธน. สี จิ้นผิง
.
และสถานการณ์ความเปราะบางในภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นภาคธุรกิจหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ที่ขับเคลื่อนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมโดยตรง (industrial metal) และโดยอ้อมคือการบริโภคภาคเอกชนที่ลดลงตามไปด้วย โดยปัจจุบันราคาอสังหาริมทรัพย์ (China property price) เมื่อเทียบกับปีก่อนปรับตัวติดลบไปกว่า 3 %แล้ว ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (commodity prices) ก็ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เช่น
.
สถานการณ์เช่นนี้อาจกระทบต่อสกุลเงินของประเทศในภูมิภาคอ่อนค่าลงตามไปด้วย โดยเฉพาะหากมีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจจีนมาก และสินค้าส่งออกไทยบางประเภทอาจชะลอตัวลง เนื่องจากมีการพึ่งพาภาคก่อสร้างจีนในบางส่วน เช่น สินค้าประเภทไม้, แร่อโลหะ, เหล็กแปรรูป เป็นต้น
.
ในภาวะการณ์เช่นนี้ มีทั้งศึกนอกและศึกในเตรียมให้ต้องแก้และรับมือครับ ต้องเตรียมพร้อมและเท่าทันสถานกาณ์อย่างใกล้ชิด และหวังว่าเราจะเห็นทางออกในอนาคตจากความพยายามจากหลายๆภาคส่วนในตอนนี้ครับ
.
‘สนธิรัตน์’ชวนจับตา!!โควิดระลอกใหม่ในจีนกระทบเศรษฐกิจ หวังกก.เฉพาะกิจฯลุยแก้วิกฤตดัน GDP ขยายตัว
- Advertisement -