วันที่ 17 พ.ย. 2565 ที่ทำการพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) นายวัชระ กรรณิการ์ รองเลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทยและประธานภาคกลาง เป็นประธานการประชุมผู้แสดงเจตจำนงเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคกลาง พรรคสร้างอนาคตไทย โดยมีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค และนายวิเชียร ชวลิต รองหัวหน้าพรรคและผู้อำนวยการพรรค เข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่งบรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างคึกคัก
.
โดยนายวัชระ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ เพื่อเป็นการติดตามสถานการณ์การเมืองในพื้นที่ และติดตามการทำงานเชิงลึกในพื้นที่ของผู้แสดงเจตจำนงเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคกลาง ตามนโยบายที่พรรคได้มอบหมายให้ พร้อมรับฟังปัญหาและข้อเรียกร้องที่ได้จากการพบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เพื่อรวบรวมเป็นข้อมูลส่งต่อคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ของพรรคในการกลั่นกรองนโยบายรายพื้นที่ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญในการจัดทำนโยบายของพรรคที่จะใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในเวลาไม่ช้านี้
.
นายวัชระ ได้ให้ความเชื่อมั่นกับผู้แสดงเจตจำนงเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ว่าพรรคสร้างอนาคตไทยแม้จะเป็นพรรคใหม่ และเปิดตัวอย่างเป็นทางการมาได้ไม่ถึงหนึ่งปี แต่กระแสพรรค โดยเฉพาะ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคและแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ที่แม้จะเพิ่งเปิดตัวและลงพื้นที่ปราศรัยใหญ่เพียงแค่ 3-4 ครั้ง แต่กระแสตอบรับก็ล้นหลาม เพราะประชาชนส่วนใหญ่เชื่อมั่นในฝีมือว่าเป็นมือหนึ่งด้านการบริหารเศรษฐกิจของประเทศในยุคนี้ สำหรับแนวทางการขับเคลื่อนของพรรค ดร.สมคิด จะเดินสายมากขึ้น เพื่อแจกแจงและขับเคลื่อนนโยบายที่สำคัญของพรรคให้ประชาชนทั้งประเทศได้เข้าใจ
นายวัชระ ระบุว่า ในส่วนของภาคกลางตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นไป จะเริ่มมีการเปิดตัวผู้แสดงเจตจำนงเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคอย่างเป็นทางการทุกคน พร้อมๆ กับการเปิดศูนย์ประสานงานของพรรคสร้างอนาคตไทยในแต่ละจังหวัด โดยตั้งเป้าจะเปิดให้ครบทุกเขตและทุกจังหวัดในภาคกลางภายในเดือนธันวาคมนี้ อย่างไรก็ตามวันนี้จะมีการเปิดศูนย์ประสานงานที่ จ.ตราด
.
“หลังการประชุมเอเปคผมเชื่อมั่นว่าการเมืองจะมีการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงและรวดเร็วแน่นอน ทั้งการขับเคลื่อนของท่านนายกรัฐมนตรี การขับเคลื่อนของแต่ละพรรคการเมือง หรือแม้แต่พรรคสร้างอนาคตไทยก็จะมีการขับเคลื่อนอย่างมีนัยยะสำคัญ ผมกล้าประกาศด้วยความมั่นใจได้เลยว่าขนาดของพรรคจะมีความใหญ่ขึ้น จะมีความพร้อมทั้งในแง่ของผู้นำ แง่ของนโยบายที่สำคัญ และผู้แสดงเจตจำนงเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรค ซึ่งพรรคจะทยอยเปิดตัวละครลับๆ ที่เป็นบิ๊กเนม มั่นใจว่าหากเปิดไปแล้ว พรรคนี้จะกลายเป็นแม่เหล็กทางการเมืองที่จะดึงดูด ส.ส.และคนมีคุณภาพเข้ามาร่วมงานด้วยอีกหลายคน”นายวัชระ กล่าว
นายวัชระ กล่าวอีกว่า ตนรู้สึกเป็นสุขมากที่ได้เห็นผู้แสดงเจตจำนงเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ของภาคกลางหลายคนได้แสดงเจตจำนงผ่านตนและผู้บริหารของพรรคว่าจะเดินและทำงานทางการเมืองด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ใช้งบตามกฎหมายที่กำหนด ไม่ซื้อเสียง ทั้งๆ ที่ผู้สมัครหลายคน มีความพร้อมทางการเงิน ซึ่งตนมองว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีของพรรคและของการเมืองไทยที่ผู้สมัครเหล่านี้มีจิตสำนึกทางการเมืองที่ดี ต้องการเป็นนักการเมืองที่ดี ไม่ใช่แค่มุ่งเน้นผลแพ้ชนะทางการเมืองแต่เพียงอย่างเดียว ถึงขนาดบางคนขอร้องให้พรรคนำตนเองไปสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในแต่ละพื้นที่ของตัวเอง
.