นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร และอดีต ส.ส.ตรัง 4 สมัย พรรค ปชป. ระบุว่า ในสัปดาห์หน้าตนจะทำหนังสือถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค เพื่อแจ้งให้ทราบถึงขั้นตอนความไม่ชอบมาพากลของการทำโพลสำรวจคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทำในเขตเลือกตั้งที่ 4 จังหวัดตรัง กรณีสำรวจคะแนนนิยมของผู้ที่เสนอตัวจะลงสมัคร ส.ส.ในนามของพรรค
.
นายสมบูรณ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนเป็นส.ส.4 สมัย คือ ปี2544,2548,2550และปี 2554 ติดต่อกัน แต่ในปี2562 จังหวัดตรังถูกลดเหลือ 3 เขตเลือกตั้ง เพื่อลดความขัดแย้งในพรรค จึงให้ตนลงสมัครแบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 35 โดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯได้ตั้งตนให้เป็นเลขาฯ ครั้งนี้เมื่อจ.ตรังเพิ่มเป็น4 เขต ตนได้แจ้งขอลงสมัครในเขต4 เขตเดิม ซึ่งตามธรรมเนียมปฏิบัติของพรรคตะให้สิทธิ์ส.ส.เจ้าของพื้นที่ หรือ อดีตส.ส.เดิมก่อน
.
แต่ปรากฎว่า มีความพยายามขัดขวางการสมัครของตน โดยอ้างว่ามีคนประสงค์จะลงสมัครมากกว่า1คน อ้างเหตุผลว่า ตนเป็นหลุมดำของพรรคในจ.ตรังลงสมัครก็แพ้ ทั้งที่ข้อเท็จจริง ตนได้คะแนนในการเลือกตั้วปี 2554 มากที่สุดในจ.ตรังคือ 74,387 คะแนน พรรคจึงทำโพลสำรวจคะแนนนิยมจากชาวบ้านในเขตเลือกตั้งที่ 4 ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของผู้ใหญ่ในพรรค เช่น นายชวน หลีกภัย หลังการทำโพล ได้มีการเปิดเผยแค่ผลโพลว่า ตนพ่ายแพ้คู่แข่งขัน แต่กลับไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียด ทั้งยังประกาศผลว่าจะส่งผู้ที่ชนะโพลพรรคให้เป็นผู้สมัคร ส.ส.ตรัง เขต4 ในนามพรรคประชาธิปัตย์
.
“หลังจากผมทราบผลโพล ก็ได้ลงพื้นที่เพื่อเสาะหาข้อเท็จจริงทั้งจากชาวบ้านในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่4 จ.ตรัง และตัวผู้รับผิดชอบการทำโพลนี้ ก็พบข้อเท็จจริงว่า มีเหตุน่าสงสัยหลายเรื่องที่ผมเคยทำหนังสือถามถึงหัวหน้าพรรคไปแล้ว คือ 1.สถาบันทำโพลคือมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ใช่หรือไม่ 2.มีการออกแบบสำรวจตามหลักวิชาการเที่ยงธรรมอย่างไร เพราะแบบสอบถามของคู่แข่งขัน มีการลงประวัติในลักษณะตั้งคำถามที่ใช้ชี้นำ เช่น นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ตำแหน่งส.ส. 4สมัย, สท.กาญจน์ ตั้งปอง ลูกชายนายอำเภอนายวิศิษฐ์ ตั้งปอง อดีตนายอำเภอหลายพื้นที่ของจังหวัดตรัง”นายสมบูรณ์ กล่าว
.
นายสมบูรณ์ กล่าวว่า 3.ที่น่าตกใจคือ แบบสอบถามครั้งแรกแจ้งว่าทำ3,000 ชุด แต่ภายหลังพบว่ามีการถ่ายสำเนาแบบสอบถามเพิ่มอีก 3,300ชุด รวมเป็น 6,300 ชุด 4.การกระจายตัวอย่างประชากรครอบคลุมพื้นที่หรือไม่ อย่างไร 5.ผู้ที่ออกใบสำรวจ คือใคร สำรวจพื้นที่ใดบ้าง เพราะผมสอบถามชาวบ้านในพื้นที่แทบจะไม่มีใครได้รับการสำรวจ 6.พบว่ามีการถ่ายเอกสารแบบฟอร์มการสำรวจนับ1,000ชุด ที่ร้านชื่อ ‘แสนก็อปปี้’ ที่หน้ามหาวิทยาลัยเทคโลโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง ซึ่งเป็นการถ่ายจากแบบสำรวจตัวจริง โดยไม่มีหมายเลขกำกับหรือตราประทับใดๆ
.
“ผมเชื่อว่าแบบสำรวจที่ถ่ายสำเนาเพิ่มนี้ถูกใช้ทำโพลที่ไม่สุจริต และได้แจ้งความกับตำรวจไว้แล้วแต่ไม่ได้รับคำตอบใดๆจากทางพรรค ผมจึงไปพบนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และได้รายชื่อคณะผู้จัดทำโพลนี้ คือ 1.รศ.ชุมพล ชื่นจิตรศิริ รองอธิการบดีฝ่ายงานบริการและกฎหมาย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 2.ผช.ศ.ดร.นิเวศน์ อรุณเบิกฟ้า 3.ผช.ศ. ดร.อิศรัฐ ทุ่งไทสง โดยได้นัดพบคณะทำโพลที่หาดใหญ่เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่สรุปได้ว่า คณะผู้ทำโพลไม่ทราบวัตถุประสงค์ของการทำโพล อ้างว่า เอาผลสำรวจไปประกอบการพิจารณา ไม่ใช่สำรวจเพื่อวัดคะแนนนิยมเพื่อคัดคนลงสมัคร”นายสมบูรณ์ กล่าว
.
นายสมบูรณ์ ระบุว่า ที่สำคัญคณะทำโพลยอมรับว่า เป็นการรับจ้างทำโพลในฐานะนักวิชาการอิสระ ไม่ใช่ทำในนามมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ แต่อย่างใดและไม่รับรองผล คณะจัดทำโพลได้รับค่าจ้างในการทำโพล 180,000 บาท ส่วนคำถามในแบบสำรวจโพลที่มีลักษณะชี้นำ ก็รับข้อมูลมาจากพรรค พร้อมยอมรับว่า ได้ทำโพลเป็น2 ช่วงเวลาซึ่งต่างจากการสำรวจโพลทั่วไป คือ ปลายเดือนส.ค. และต้นเดือน ก.ย. รวม 6,300 ชุด โดยอ้างว่า ใช้เครือข่ายเยาวชนในพื้นที่ไปสอบถาม และยอมรับว่า ได้ให้เงินให้คนไปจัดทำใบสำรวจเอาเอง โดยไม่มีการลงหมายเลขรันนิ่งนัมเบอร์ในแบบสอบถาม
.
นายสมบูรณ์ ระบุว่า ที่น่าตกใจคือ กลุ่มอาจารย์ที่รับจ้างทำโพลยอมรับว่า ไม่ได้ติดตามควบคุมผู้ลงพื้นที่ไปสำรวจแบบสอบถามเพียงแต่ รอให้ฝ่ายลงพื้นที่ส่งเอกสารกลับมาให้ตามจำนวนเท่านั่นแล้วสรุปผล ซึ่งพออนุมานได้ว่า นี่คือการได้ข้อมูลเท็จมาเป็นผลโพล เมื่อผมขอดูรายละเอียด คณะผู้ทำโพลนี้บ่ายเบี่ยงว่า ส่งให้ทางพรรคไปหมดแล้ว ผมจึงสรุปว่าในการทำโพลครั้งนี้ ไม่โปร่งใส และข้อมูลที่ได้จึงไม่ได้มาจากประชาชนในพื้นที่ที่แท้จริง” นายสมบูรณ์ กล่าว
.
นายสมบูรณ์ กล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่าพรรคไม่ได้ใช้หลักการในการพิจารณาสรรหาผู้สมัครที่ต้องใช้การพิจารณาที่ ครบถ้วน รอบด้าน แต่กลับอาศัยผลโพลที่ไม่สุจริต มาตัดสินถือเป็นการตัดสินที่ไม่ยุติธรรม ไม่มีการควบคุมติดตาม การเดินสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่4 จ.ตรัง ว่าไปสำรวจใครที่ไหนเมื่อไหร่ เพราะมอบให้ผู้ใด หรือไปสำรวจกันเอง ขอเพียงมาส่งแบบสำรวจตามจำนวนเท่านั้น ทั้งนี้ตนเคยเป็นนักกีฬา เป็นครู และมาเป็นนักการเมืองด้วยความสุจริต รู้จักคำว่า รู้แพ้ รู้ชนะ ยอมรับการแข่งขันที่สุจริต
.
นายสมบูรณ์ กล่าวว่า การทำหนังสือครั้งนี้ไม่ใช่เราเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์กลับการพิจารณาผู้สมัครส.ส.ในนามพรรคมาเป็นชื่อตน แต่อยากให้ผู้บริหารพรรคบริหารจัดการด้วยความโปร่งใส และให้คำตอบต่อสังคมต่อประชาชนได้เห็นหลักธรรมาภิบาล การสรรหาผู้สมัครที่ยึดหลักคุณธรรม เพราะเชื่อว่าสถาบันทางการเมืองต้องมีหลักธรรมาภิบาล แต่เมื่อพรรคไม่สามารถให้ความโปร่งใส ยุติธรรมกับตน ที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารพรรค และเป็นสมาชิกพรรคที่ดี ได้แล้ว พรรคจะไปให้ความยุติธรรมกับประชาชนทั่วไปได้อย่างไร
.
“พรรคต้องไม่ทิ้งหลักการว่าพรรคเป็นของประชาชน ไม่มีใครเป็นเจ้าของพรรค และเชื่อว่าผู้ที่ได้มาด้วยความไม่ชอบธรรม ไม่สามารถเป็นตัวแทนประชาชนได้อย่างมีเกียรติ เงยหน้าไม่กล้ามองฟ้า ก้มหน้าไม่อาจมองดิน ส่วนสาเหตุที่ต้องทำหนังสือนี้ให้หัวหน้าพรรคทราบ เพราะเป็นผู้นำสูงสุดขององค์กร จำเป็นที่ต้องรู้ว่า ผู้มีอำนาจในพรรคบางส่วนทำกันแบบนี้ และเพื่อไม่ให้เกิดผิดพลาดซ้ำอีก ควรใช้ธรรมเนียมปฏิบัติของพรรคแต่เดิมที่ไม่สร้างปัญหาเพิ่มให้พรรคและไม่โปร่งใส ไม่ถูกหลักธรรมาภิบาล ตรวจสอบไม่ได้”นายสมบูรณ์ กล่าว
.
ร้าวอีก!!’สมบูรณ์’แฉพิรุธโพลสำรวจความนิยมผู้สมัครปชป. จ่อยื่นหนังสือท้วง’จุรินทร์’จี้ให้คำตอบสังคม
- Advertisement -