เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2567 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ออกมากล่าวถึงตนว่า หลักการที่ต้องชี้แจงคือ พรรคพร้อมรับฟังคำติชม ไม่ได้คับแคบ ประชาชนหรือสมาชิกพรรคสะท้อนทุกความคิดเห็นมาได้อย่างเต็มที่พรรคพร้อมรับฟัง
ซึ่งนายเทพไทพูดถูกต้องที่ว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่ให้กำเนิดทางการเมืองของนายเทพไท แต่การแสดงความเห็นต่อพรรคก็ต้องมีวุฒิภาวะ การที่มากล่าวหาว่าเป็นพรรคอะไหล่ ไม่มีจุดขาย ไม่มีอะไรดีสักอย่างเดียว ถามว่าภาพรวมพรรคผู้ให้กำเนิดนายเทพไทเสียหายหรือไม่ ที่มีลูกมากระหน่ำซ้ำเติมอยู่ตลอดเวลา
การมาท้าทายให้ กก.บห. ชุดใหม่มีมติพรรคว่าไม่เข้าร่วมรัฐบาลนั้น ตนก็อยากถามว่าตอนนี้เขามาเชิญหรือไม่ เพราะขณะนี้ก็ชัดอยู่แล้วว่าพรรคทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ทั้งเรื่องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พรรคก็เดินหน้าตรวจสอบอยู่ เรื่องต่อต้านนักการเมืองซื้อเสียงก็ยังมีหลักการนั้นเช่นเดิม แต่ทุกสังคมมีทั้งคนดีและคนไม่ดี พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังมีกระบวนการจะกลั่นกรองที่ไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าใครจะซื้อเสียง ทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินคดี และถ้าใครมีหลักฐานก็ควรดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
การที่นายเทพไทบอกว่าไม่เอาคนซื้อเสียงเข้าพรรคนั้น เรื่องนี้ก็เป็นหลักสำคัญที่พรรคยึดถือมาตลอดอยู่แล้ว ส่วนกรณีไปพบนายทักษิณ เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ใครไปพบใครพรรคไม่ทราบแน่นอน และพรรคประชาธิปัตย์เองก็ไม่เคยมีมติให้ใครไปเจรจาตกลงใด ๆ กับใครในเรื่องการร่วมรัฐบาลแน่นอน
ส่วนที่บอกว่ากรรมเป็นเครื่องชี้เจตนานั้น ก็ถูกต้อง เพราะวันหนึ่งผลจากการกระทำของใครก็จะออกมาเป็นคำตอบได้ แม้แต่คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ หากทำไม่ดีก็อยู่ไม่ได้ และการมี กก.บห. ชุดใหม่ก็ต้องเข้ามาตามระบบ ไม่ว่าตัวบุคคลจะเปลี่ยนอย่างไร แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังอยู่ ดังนั้นตนจึงอยากให้เปลี่ยนวิถีทางในการแสดงความเห็นที่ต้องดูภาพรวมด้วยว่าจะเกิดความเสียหายต่อพรรคหรือไม่