เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2567 จากกรณีที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้ออกมายืนยันว่าโกดังข้าว 10 ปี ยังกินได้ ก่อนจะโชว์กินข้าวจากโครงการจำนำข้าว และยังได้บอกความรู้สึกหลังชิมว่า ความหอมลด แต่ยังนุ่มนวล ทานได้ เตรียมเปิดประมูล 2 โกดังสุดท้าย 150,000 กระสอบ ปลาย พ.ค.นี้ ตามที่มีรายงานไปก่อนหน้านี้นั้น
ล่าสุด นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า ดูจากข้อเท็จจริงแล้ว เจ้าหน้าที่นำข้าวสารไปเตรียมการหุง ก่อนหุงข้าว ซาว 13-15 น้ำ นั้น น้ำซาวข้าวมีมอดลอยอยู่เป็นจำนวนมาก ย่อมแสดงให้เห็นว่า ข้าวไม่ได้คุณภาพอย่างแท้จริง นายภูมิธรรม ควรเอาข้าวในโกดังดังกล่าวไปหุงให้รัฐมนตรีได้กินกันทั้งคณะในทุกวันอังคารที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรี แต่ต้องแนะนำแม่บ้านที่หุงข้าว ไม่อยากให้ซาวน้ำหลายครั้งเพราะถ้าซาวน้ำมากกว่า 3 ครั้ง อาจจะทำให้สูญเสียสารอาหารและกลิ่นหอมในข้าวได้ ก็จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและประหยัดค่าใช้จ่ายได้
นายราเมศ กล่าวต่อไปว่า กระบวนการตรวจคุณภาพของข้าวว่า มีคุณภาพสามารถบริโภคได้หรือไม่ มีกระบวนการหลักการอยู่ มีหลายหน่วยงานที่สามารถเข้ามาช่วยกันได้เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ว่า บริโภคได้แน่ เพราะถ้าหากข้าวที่ไม่มีคุณภาพหลุดออกไปประชาชนผู้บริโภค คือ ผู้รับกรรม การตักข้าวใส่ปากกินโชว์ของ รองนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่มาตรฐานการตรวจวัดคุณภาพข้าว และภาพมันฟ้องว่า
แม้แต่ตัวรองนายกฯ เอง ก็ไม่มีความกล้าเต็มร้อย เพราะเน้นกับไม่เน้นข้าว มีคนฝากถามช้อนซื้อที่ไหนตักติดแต่กับไม่ค่อยติดข้าว และอีกอย่างที่รองนายกรัฐมนตรีมีความประสงค์จะสื่อสาร คือ โครงการรับจำนำข้าวไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย ซึ่งการมากินข้าวโชว์ก็เช่นกันที่ไม่สามารถมาลบล้างเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาในคดีทุจริตรับจำนำข้าวได้แม้แต่บรรทัดเดียว