วันที่ 18 พ.ย. ที่รัฐสภา นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1448 ที่กำหนดการสมรสเฉพาะชาย-หญิง ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ว่า ยังไม่ใช่คำวินิจฉัยตัวเต็ม จะมีการเขียนและอ่านอีกครั้งในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ แต่เป็นอีกครั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญนำไปสู่ทางตันของการแก้ไขปัญหาในบ้านเมือง ซึ่งคำวินิจฉัยที่ออกมามีนัยยะ 3 ประการ 1.การตีความว่าบทบัญญัติมาตรา 4 และ 5 ของรัฐธรรมนูญที่พูดถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แต่หากใครจะเข้าถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างจำเพาะเจาะจง ถ้าไม่ได้ถูกเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญอาจจะไม่ได้รับการคุ้มครอง
2.บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะในมาตรา 27 เขียนหลักการรองรับความเสมอภาคระหว่างเพศก็จริง แต่มีวรรคหนึ่งระบุว่าชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน และศาลไม่เห็นว่าวันนี้เพศไปไกลกว่าคำว่าชายและหญิง จึงเป็นเหตุที่นำมาสู่การตีความว่าบทบัญญัตินั้นไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
3.กรณีการคุ้มครองสิทธิและหน้าที่ของผู้มีความหลากหลายทางเพศนั้นเป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐสภา และหน่วยงานของรัฐ ต้องไปตรากฎหมายหรืออกบทบัญญัติแห่งกฎหมายต่อ ซึ่งสังคมอาจตั้งคำถามว่า นี่เป็นการบีบและปิดทางตันไม่ให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้มีการยื่น ทั้งของพรรคก้าวไกลที่ได้ยื่นไปตั้งแต่เดือนมิ.ย. 63 หรือภาคประชาชนที่กำลังจะมีการเข้าชื่อการแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
.
ด้านนายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส. พรรคก้าวไกล ระบุว่า พรรคก้าวไกลยืนยันที่จะเดินหน้าเรื่องสมรสเท่าเทียมต่อไป ผ่านกลไกรัฐสภา ซึ่งวันนี้มีกฎหมายสมรสเท่าเทียม 30 ประเทศทั่วโลก โลกกำลังเปลี่ยนไป กำลังโอบรับความหลากหลาย เรารู้ว่าทางเดินอีกยาวไกล แต่หน้าที่ของ ส.ส. ต้องทำให้ความฝันนี้เกิดขึ้นจริง เชิญชวนทุกพรรคที่เชื่อในความเท่าเทียม เชื่อในความหลากหลาย ร่วมสนับสนุนร่างแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สมรสเท่าเทียม ที่จะเข้าสู่การประชุมของสภาฯ”
.