เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2567 ที่ นายชนินทร์ รุ่งแสง รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และอดีต สส.กทม. กล่าวถึงกรณีสภาผู้แทนราษฎรมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ว่า ขอเก็บตกประเด็นที่รัฐบาลพยายามให้เหตุผลว่า การจัดสรรงบประมาณบางส่วนที่ไม่เหมาะสมเป็นผลมาจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมานั้น เท่าที่ทราบตั้งแต่รัฐบาลเข้ามาทำหน้าที่ มีกระบวนสั่งให้ทบทวนงบประมาณของกระทรวง ทบวง กรมทั้งหมดอีกครั้ง โดยสำนักงบประมาณได้ทำหนังสือไปถึงทุกหน่วยงานให้ปรับงบประมาณเป็นไปตามแนวนโยบายของรัฐบาล แล้วส่งกลับมายังคณะรัฐมนตรี (ครม.) จากนั้นจึงได้เสนอต่อสภาฯ ถือว่าการชี้แจงของรัฐบาลลักษณะนี้ไม่ใช่การให้เหตุผล แต่เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น และถือว่าการจัดสรรงบประมาณได้ผ่านตารัฐบาลชุดนี้มาแล้ว ดังนั้นข้ออ้างดังกล่าวจึงไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง
นายชนินทร์ กล่าวว่า ในการอภิปรายวาระแรก สส. ของพรรค กล่าวถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กำลังต้องโทษ แต่ขณะนี้ดูเหมือนติดคุกทิพย์อยู่ ขอทำความเข้าใจว่าที่เราพูดไม่ใช่เรื่องส่วนตัวหรือความแค้นส่วนบุคคล แต่เป็นบรรทัดฐานของกระบวนการยุติธรรมไทยที่จะต้องทำให้เกิดความกระจ่าง ขอฝากถึงนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ในฐานะได้รับหน้าที่ให้กำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม ต้องทำเรื่องที่สังคมเคลือบแคลงให้ชัดเจน นายพีระพันธุ์เคยพูดว่าไม่เคยเกรงใจใคร จึงเรียกร้องให้ดำเนินการเรื่องนี้ เพื่อพิสูจน์คำพูดตัวเอง และขอความกรุณาให้ร่วมมือกับกลไกการตรวจสอบของพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะกับการทำงานของคณะกรรมาธิการการตำรวจ ที่จะเข้าไปดูแลเรื่องนี้ เพื่อให้เกิดความกระจ่างในสังคมว่า นักโทษทุกคนได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน ไม่สองมาตรฐาน
นอกจากนี้ ในฐานะที่เคยเป็น สส.กทม. อยากให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ อย่าทอดทิ้งน้องเล็ก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้ต้องทำงานแก้ไขปัญหากรุงเทพมหานครอย่างโดดเดี่ยว เพราะมีแต่เรื่องสำคัญทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ การจราจร น้ำท่วม ที่ยังต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณช่วยเหลือเอาใจใส่อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ แม้รอบนี้พรรคจะไม่มี สส.กทม. แต่พรรคจะดูแลคน กทม. และไม่ทอดทิ้ง โดยได้มอบหมายให้นายวุฒิพงษ์ นามบุตร แม้เป็น สส.อีสาน จังหวัดอุบลราชธานี แต่ได้นำความเดือดร้อนของพี่น้องชาว กทม. อภิปรายในสภาสะท้อนไปยังรัฐบาลให้เร่งดำเนินการแก้ไขต่อไปด้วย