วันที่ 31 ส.ค. ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงภายหลังพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคเสรีรวมไทย อภิปราย โดยระบุว่า ในฐานะที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นรุ่นพี่ตน หลายอย่างรู้สึกว่าคิดไม่ตรงกันเท่าไหร่ อาจจะประสบการณ์ต่างกัน เนื่องจากพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นเพียงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี ประสบการณ์จึงต่างกัน
.
พล.อ.ประยุทธ์ ระบุอีกว่า นอกจากนี้เรื่องงบประมาณกระทรวงกลาโหม ตนได้ชี้แจงไปหลายครั้งแล้ว การจัดตั้งงบประมาณ ดูหลักการพิจารณาจากสัดส่วนงบประมาณต่อวงเงินงบประมาณที่บอกว่าสัดส่วนของกลาโหมสูงสุด เพียงแค่สัดส่วน 7.57 ขอให้ย้อนกลับไปดูด้วย ไม่ได้สูงตามที่มีการอภิปราย ยืนยันว่าตนจะระมัดระวังในการใช้จ่ายงบประมาณให้มากที่สุด ส่วนเรื่องศักยภาพทางสงครามถือเป็นเรื่องสำคัญ ตนได้ชี้แจงไปหลายครั้งแล้วว่าจำเป็นต้องมียุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิต เป็นทหาร มีความเสี่ยงตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือที่ทันสมัย มียานเกราะ มีเสื้อเกราะ เพราะวันนี้อาวุธมันแรงขึ้น ยืนยันว่ากองทัพพิจารณาการจัดซื้อจัดหาตามความจำเป็น
.
ส่วนการที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เอารถถังไปทิ้งน้ำ รถดังกล่าวนั้นอายุ 50-60 ปีมาแล้ว จึงไปทิ้งเพราะซ่อมไม่ไหวแล้ว เอาไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นไปทำปะการังเทียมบ้างอะไรบ้าง ก็ดีกว่าจอดทิ้งไว้เฉยๆ ไม่ใช่ว่าซื้อมา 10 ปีแล้วทิ้ง วันนี้รถถังที่เหลืออายุสูงสุดคือ 40 ปี ซึ่งซ่อมไม่ไหว ซึ่งจะต้องมีการประเมินแผนเผชิญเหตุไว้ล่วงหน้าในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ เขาบอกว่ายุทโธปกรณ์และทหารไม่ต้องมี ไม่รู้ว่าจะไปรบกับใครวันข้างหน้าก็รับผิดชอบด้วยแล้วกัน
.
พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า วันนี้ต้องใช้โอกาสนี้ ให้บ้านเมืองมีความสงบสุข มีเสถียรภาพมีมั่นความมั่นคง ไม่ใช่มีการสนับสนุนให้มีความวุ่นวาย หลายคนทราบดีทั้งหมด วันนี้มีการตรวจสอบอยู่ว่ามีใครทำให้บ้านเมืองเสียหาย ตนไม่ได้ขู่ใครทั้งสิ้นเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่ต้องดำเนินการไป ในส่วนรัฐบาลทำหน้าที่ในฝ่ายบริหาร ตำรวจก็อยู่ในฝ่ายบริหาร แต่อย่าลืมว่าอีก 2 อำนาจ คือนิติบัญญัติในสภาแห่งนี้ และอำนาจตุลาการ ซึ่งเป็นเรื่องของอัยการและศาล ตนไปก้าวล่วงไม่ได้ เพราะฉะนั้นรัฐบาลทำเต็มที่ ตำรวจทำเต็มที่
.
“การที่บอกว่าจะใช้อำนาจกับประชาชนเยาวชนเด็กแล้วใช่ที่ควรจะไปหรือไม่ วันนี้กฎหมายมีอยู่ ทุกคนบอกว่าตนใช้อาวุธ ตนไม่เห็นตำรวจถืออาวุธจริงสักคน มองไม่ออกหรือว่าอันไหนอาวุธจริงหรือปลอม เป็นถึงอดีตผบตร. มีแต่ตำรวจถูกยิงอยู่ทุกวันอยู่นี่ แล้วทำไมถึงมองว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงขัดแย้งกับความเป็นจริงขัดแย้งกันในภาพ เพราะฉะนั้นอย่าเลือกดูภาพในโซเชี ยลหรืออะไรก็แล้วแต่ สุดแล้วแต่ว่าฝ่ายใครจะเอาออกมา ตนยืนยันว่าไม่มีการสั่งการให้ใช้อาวุธจริง ขอให้คอยดูต่อไป ว่าใครจะทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาด้วยแรงหนุนจากใคร นี่คือสิ่งที่ประเทศไทยต้องระมัดระวังที่สุด”นายรัฐมนตรี กล่าว
.
- Advertisement -