เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2567 สำนักข่าว เขมรไทมส์ รายงานว่า นาย ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ประกาศว่าทางรัฐบาลมีแผนจะเสนอรายชื่อทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ 7 รายการ และทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ 3 รายการ เพื่อขึ้นบัญชีรายชื่อมรดกโลกของยูเนสโก หรือ UNESCO
โดยสถานที่ 7 แห่งที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ ได้แก่ อดีตเรือนจำเอ็ม-13 (M-13) พิพิธภัณฑ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ตวลสเลง ศูนย์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เจืองแอ็ก วัดบันทายฉมาร์ สถานที่ตั้งของอังกอร์เบอเรยและพนมฎา โบราณสถานภูเขาพนมอูดง ปราสาทพระขรรค์กำปงสวาย วัดเบ็งเมเลีย และอุทยานเทือกเขาพนมกุเลน
ส่วนอีก 3 รายการที่วางแผนยื่นเสนอเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ได้แก่ สงกรานต์กัมพูชา กรอมา (Krama) ผ้าพันคอที่ทอแบบดั้งเดิม และประเพณีการแต่งงานแบบเขมร
โดยผู้นำกัมพูชากล่าวว่า พวกเราต้องการจะนำเสนอสิ่งเหล่านี้ต่อ UNESCO เพื่อที่มรดกทางวัฒนธรรมของบรรพบุรุษเราจะได้รับการยอมรับและอนุรักษ์จากนานาชาติ พร้อมกันนี้ยังอธิบายขั้นตอนอีกด้วยว่า การขึ้นทะเบียนจะใช้เวลาเกือบสองปี และแต่ละประเทศสามารถยื่นเสนอรายชื่อเป็นมรดกโลกได้ปีละ 1 รายการเท่านั้น
ซึ่งนายกกัมพูชาจะยื่นเอกสารเพื่อเสนอสงกรานต์กัมพูชา เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ในปี 2568 และคาดว่าน่าจะได้ขึ้นทะเบียนในปี 2569 อ้างอิงจากสำนักข่าวท้องถิ่น