เมื่่อวันที่ 26 ก.ย.66 ที่ห้องพิจารณา 811 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.2495/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง นายอานนท์ นำภา อายุ 39 ปี ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เป็นจำเลย ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ร่วมกันมั่วสุมชุมนุม ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง พ.ร.ก.การบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ทั้งนี้ มีเหตุมาจากการปราศรัยใน #ม็อบ14ตุลา ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2563 เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทำตาม 3 ข้อเรียกร้อง 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออก 2.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ 3.ปฏิรูปสถาบัน
ขณะที่ นายอานนท์ เดินทางมาที่ศาลแล้ว เปิดเผยก่อนเข้าฟังคำพิพากษาว่า ในแง่ความคิดคนคิดว่าคนทั้งประเทศเชื่อมั่นเรื่องสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค พร้อมจะเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นอารยะ เราเห็นการเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบ ทั้งในโซเชียล ในท้องถนน การเลือกตั้งที่ผ่านมาก็ชัดเจนว่าหลายพื้นที่ที่ไม่ได้สนับสนุนประชาธิปไตยได้กลับมาสนับสนุนประชาธิปไตย คนรุ่นใหม่ที่เติบโตขึ้นมาก็เติบโตบนพื้นฐานที่เชื่อมั่นเรื่องสิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียม คิดว่าการชุมนุมก็ดี การเรียกร้องตั้งแต่ 2563 ถึงปัจจุบันก็ดี ทำให้สังคมเปลี่ยนไปเยอะมาก เป็นการต่อสู้ที่คุ้มค่ามาก
เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรถึงผู้ติดตามบ้าง นายอานนท์ระบุว่า อยากให้กำลังใจ ตอนนี้ยังไม่ทราบคำพิพากษา แต่ถ้าออกมาในทางเลวร้าย กลับไปติดคุก ก็ต่อสู้ในคุกต่อไป หรือต่อให้นำตนไปขังจากนี้ไปก็ต้องเบิกตัวมาขึ้นศาลอยู่ดี
นายอานนท์กล่าวอีกว่า การมาขึ้นศาลได้ทำทั้งหน้าที่ที่เป็นจำเลยและทนายความ แม้จะขังวันนี้แต่พรุ่งนี้ก็ต้องเบิกตัวมาว่าความเพราะเป็นทนายความให้กับคดีทางการเมือง คือคดีการชุมนุมห้าแยกลาดพร้าว ปี 2563 ก็ต้องทำหน้าที่จากในคุกและนอกคุก
“อยากให้ทุกคนต่อสู้ต่อไป บ้านเมืองเราเดินมาไกลมากแล้ว ไม่อาจกลับไปนับ 1 ได้อีก อยากให้การต่อสู้ของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนแปลงประเทศได้อย่างแท้จริง ขอบคุณผู้ที่อยู่เบื้องหลังทุกคนทั้งที่ไม่สามารถเอ่ยนามได้ ขอบคุณทุกท่านที่มาให้กำลังใจที่ศาลวันนี้ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรแต่การต่อสู้ยังไม่สิ้นสุด กำลังใจยังดีอยู่” นายอานนท์กล่าว