เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.66 จากกรณีการจัดงานเปิดตัว ขบวนนักศึกษาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่คณะรัฐศาสตร์ มอ.ปัตตานี ที่ได้มีการจัดเสวนาในหัวข้อ”การกำหนดอนาคตตนเอง (Self Determination) กับสันติภาพปาตานี” รวมถึงมีการจัดพิมพ์บัตรเพื่อร่วมแสดงความเห็นผ่านสื่อโซเชียลในประเด็น”ให้ประชาชนปาตานีสามารถออกเสียงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชได้อย่างถูกกฎหมาย “
จนล่าสุด หน่วยงานความมั่นคงทางทหารในพื้นที่คือ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ( กอ.รมน.ภาค 4 สน.)ได้เข้าทำการตรวจสอบการจัดงานดังกล่าว โดยมีการออกเอกสารข่าว ว่าเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่ได้กำหนดไว้ตามความเหมาะสมต่อไป
ด้านนายวรวิทย์ บารู ว่าที่ส.ส.ปัตตานี และรองหัวหน้าพรรคประชาชาติ ที่ได้ไปร่วมงานเสวนาดังกล่าวด้วย เปิดเผยว่า ทางผู้จัดงานมีการทำหนังสือถึงพรรคประชาชาติเพื่อขอให้ส่งตัวแทนไปร่วมงาน ทางพรรคก็ส่งผมไป อย่างไรก็ตามเดินทางไปร่วมงานในช่วงบ่าย แต่งานจัดตั้งแต่เช้าแล้ว ซึ่งพอไปร่วมงานเสร็จก็เดินทางกลับตอนเย็น ไม่ทราบเรื่องเลยว่าตอนเช้า มีการจัดทำประชามติจำลอง มารู้เอาตอนที่เรื่องนี้เป็นข่าวในวันรุ่งขึ้นคือ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ยืนยันว่าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งจากการไปร่วมงาน คนที่มาร่วมงานส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา พวกนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ที่อยู่ในห้องก็มีไม่เกินร้อยคน และคนภายนอก ก็น่าจะไม่เกินสามสิบคน เรียกได้ว่าคนน้อย
นายวรวิทย์ ที่เคยเป็นอดีตอาจารย์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และเป็นอดีตสว.ปัตตานีด้วย กล่าวว่า ตอนที่ไปพูดในช่วงบ่าย ก็พูดตามหลักวิชาการ ตามหัวข้อ Self Determination การกำหนดอนาคตตัวเอง ผมก็พูดไปตามหลักวิชาการ ก็ไม่รู้ว่าคนที่จัดงานมีเจตนาอย่างไร แต่ทราบว่าตอนนี้ทางมอ.ปัตตานี คณะรัฐศาสตร์ ก็วุ่นวายพอสมควรหลังมีข่าวออกไป มีการเรียกประชุมกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าฝ่ายความมั่นคงเขาจะว่าอย่างไร
เมื่อถามว่ามองการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ ที่จะให้ปัตตานีแยกตัวเป็นเอกราชอย่างไร และทางพรรคมีจุดยืนเรื่องนี้อย่างไร นายวรวิทย์ ว่าที่ส.ส.ปัตตานี ระบุว่า ประเด็นดังกล่าว มันไกลเกินไป ผมก็บอกตอนไปร่วมงานว่า การกำหนดอนาคตตัวเองก็เป็นกระบวนการสันติวิธี แต่มันไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่าย เพราะจากข้างนอกมันแทบไม่มีเลยสำหรับประเทศไทย มันไม่เหมือนกรณีของติมอร์ มันไม่ใช่ เพราะประเทศไทยไม่ใช่อย่างนั้น ผมว่าพลังมันไม่เยอะ ตอนเช้าผมไม่ได้ไป ก็ไม่รู้ แต่ตอนบ่ายที่ผมไป คนน้อยมันโหรงเหรงมาก ก็มองว่าก็เป็นความพยายามของคนกลุ่มหนึ่ง ก็ไปบวกกับทางฝ่ายพรรคเป็นธรรม พูดง่ายๆ
นายวรวิทย์ บอกว่า เขากำลังได้ที่อยู่ ที่มางาน คนหนึ่งก็เป็นรองเลขาธิการพรรคเป็นธรรม แล้วก็มีกลุ่มของพวกนี้ที่เป็นมาแต่ดั้งเดิม ก็มีเชื้อมา ผมว่าฝ่ายความมั่นคงเขาก็จับทางได้ ไม่ใช่ว่าข้อมูลเขาไม่มี เขามีแน่ แต่บางทีเราก็ตื่นตระหนก
“เรื่องนี้ยังห่างไกล ประชาชนก็ไม่พร้อมที่จะไปถึงจุดนั้น คือสังคมชายแดนใต้ จะมีกลุ่มแบบนี้ กลุ่มบวกกับการเมือง ที่มีแนวทางแบบนี้ แต่พรรคประชาชาติ ไม่ใช่แบบนี้ เราก็บอกไม่ได้ว่าเขาจะเล่นอย่างไร เราก็ไม่รู้ เพราะวันนี้เขาอาจกำลังรู้สึกว่าได้ใจ ส่วนประชาชาติ ไม่ได้เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ไม่ได้ไปอย่างนั้น ประชาชาติ เป็นการเมืองที่เป็นปกติ เช่นที่เราเสนอนโยบายกระจายอำนาจที่อยู่ภายใต้กรอบของกกต.อย่างมากสุด ก็จังหวัดปกครองตนเอง ก็แค่นั้น ส่วนจะให้แยกออกมา มันคงไม่ใช่” รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าว