เมื่อ วันที่ 1 ธ.ค.66 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง ระบุว่า…
”สดุดี ลุงตู่“
ขอแสดงความยินดีกับ“ลุงตู่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ได้รับโปรดเกล้าฯเป็น องคมนตรี คนใหม่
ส่วนตัวผมกับลุงตู่นั้น รู้จักกันมานานแล้ว ก่อนที่ท่านเป็นหัวหน้าคสช. และเป็นนายกรัฐมนตรีเสีย อีก ผมรู้จักกับท่านในฐานะผมเป็นโฆษกส่วนตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น กับท่านที่อยู่ในฐานะรองผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งได้ทำงานร่วมกันที่ ศอฉ. กองพันทหารราบที่11 ด้วยกันมาเป็นเวลาหลายเดือน ในปี2553
ตอนท่านเป็นหัวหน้าคสช. และนายกรัฐมนตรี อาจจะเห็นผมออกมาวิพากษ์วิจารณ์ พาดพิงถึงตัวท่านอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งไม่ได้มีเหตุอะไรที่ไม่พอใจเป็นการส่วนตัว เพียงแต่ผมไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 และการเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของท่าน จึงได้วิพากษ์วิจารณ์ไปตามหลักประชาธิปไตยที่ผมยึดมั่นอยู่
แต่ในระหว่างที่ท่านปฎิบัติหน้าที่ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ก็ต้องยอมรับความจริงว่า ท่านได้ทำคุณประโยชน์ ให้กับประเทศชาติในหลายประการ มีผลงานที่จับต้องได้หลายโครงการ และที่สำคัญที่สุด คือท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ไม่เคยถูกข้อกล่าวหาว่า ทุจริตคอรัปชั่นเลย ถือว่าเป็นนายกรัฐมนตรี ที่มือสะอาดคนหนึ่ง ที่สังคมการเมืองไทย ควรจะผู้นำมือสะอาดแบบนีัมากๆ
ในโอกาสที่ท่านได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี ผมจึงขอนำบทกลอนชื่อ “สดุดีลุงตู่” ที่ผมเคยเขียนไว้ สมัยอยู่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช และมาเพิ่มเติมอีกหนึ่งบท หลังจากท่านได้รับโปรดเกล้าเป็นองคมนตรีเมื่อวานนี้
ซึ่งบทกลอนบทนี้ ผมได้มอบให้อาจารย์ณกรณ์ ชูรักษ์ เรียบเรียงดนตรีและขับร้องเป็นเพลงแหล่ ซึ่งจะเผยแพร่ในวันที่ 4 ธันวาคม 2566 นี้ หรือหากมีใครจะนำไปขับร้องด้วย ผมก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ไม่สงวนลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เพลงแหล่ สดุดีลุงตู่
สดุดี ลุงตู่ ผู้ยิ่งใหญ่
ผู้อยู่ใน หัวใจ ไทยทั้งหล้า
เป็นนายกฯ 9 ปี ที่ผ่านมา
ได้นำพา ชาติบ้านเมือง เรืองระบือ
ความสงบ เกิดขึ้น ทุกหย่อมหญ้า
ทั้งพารา แซ้ซ้อง และเชื่อถือ
ความซื่อสัตย์ สุจริต คนเลื่องลือ
กล่าวขานชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เป็นรัฐบาล สร้างผลงาน ไว้มากมาย
ไทยทั้งหลาย ทั่วถิ่น ถวิลหา
คนละครึ่ง เราชนะ ติดตามมา
ได้เยียวยา ช่วงโควิด พิชิตไทย
พัฒนา โครงสร้าง ทั้งประเทศ
ทุกคานเขต ก้าวหน้า ทันสมัย
สร้างถนน สร้างสะพาน ทางรถไฟ
นักท่องเที่ยว หลั่งไหล มามากมาย
ฟื้นสัมพันธ์ ไมตรี กับซาอุ
ส่งออก ยอดทะลุ ในการขาย
สร้างรถไฟ ในกรุงเทพ 12 สาย
ความเร็วสูง รางคู่ก็ได้ พัฒนา
ทั้งแหล่งนำ้ การเกษตร ปศุสัตว์
ทุกแผนงาน ของรัฐ ได้จัดหา
ทรัพยากร มนุษย์ ได้พัฒนา
คนจน คนรากหญ้า ได้ดูแล
บัตรสวัสดิการ แห่งรัฐ ได้จัดให้
เบี้ยยังชีพ ก็ได้ ให้คนแก่
อสม. กำนันผู้ใหญ่ ได้ดูแล
เพื่อพ่อแม่ พี่น้อง ผองไทยเรา
ปรับเงินเดือน ให้องค์กร ส่วนท้องถิ่น
ได้มีกิน มีใช้ ไม่อายเขา
อบต. อบจ. เทศบาลเรา
ช่วยแบ่งเบา เพิ่มรายได้ ให้สุขขี
ทุกชุมชน เทศบาล ท่านจัดให้
ค่าตอบแทน ก็ได้ ทุกพื้นที่
ผลผลิต การเกษตร ราคาดี
เพราะรัฐมี ส่วนต่าง ของราคา
เกษตรกร มีรายได้ พอใช้สอย
อย่างน้อย ห้าอย่าง ไม่สร้างปัญหา
ปาล์มนำ้มัน ข้าวโพด ยางพารา
ข้าวชาวนา และมันสำปะหลัง
ประเทศไทย ได้เจริญ รุดหน้า
ทั่วพารา ไม่ทิ้งใคร ไว้ข้างหลัง
ทำเพื่อชาติ ศาสน์กษัตริย์ อย่างจริงจัง
คนไทย สมดั่งหวัง ทั้งแผ่นดิน
มีผลงาน ของท่าน อีกมากมาย
สาธยาย บอกได้ ไม่จบสิ้น
ชื่อลุงตู่ ดังก้อง ทั่วธานินทร์
ทุกฐานถิ่น อย่างทรนง องอาจ
จนบัดนี้ มีพระบรม ราชโองการ
สนองงาน ใต้เบื้อง พระยุคลบาท
โปรดเกล้า เป็นองคมนตรี ศรีของชาติ
ขอรับใช้ เป็นข้ารองบาท ทุกชาติไป
ข้อเสนอการนิรโทษกรรมให้แก่ผู้ที่ถูกดำเนินคดีอันเนื่องมาจากการแสดงออกทางการเมืองหรือความขัดแย้งทางการเมืองเพื่อนำไปสู่การสร้างความปรองดองหรือการคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับสังคมไทย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าข้อถกเถียงสำคัญสำหรับการนิรโทษกรรมคดีการเมืองในปัจจุบันคือ เราควรนิรโทษกรรมผู้ที่ถูกดำเนินคดีในความผิดตามกฎหมายอาญาม.112 ด้วยหรือไม่
เหตุผลของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งเราควรนำมาพิจารณาร่วมกันคือ หากเรานิรโทษกรรมคดี 112 ไปแล้ว จะเป็นการไม่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่หรือจะเป็นการปล่อยให้เกิดการแสดงความคิดเห็นหรือการแสดงออกทางการเมืองที่กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อไปอีกหรือไม่
สำหรับประเด็นนี้ ผมยังเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า สถาบันพระมหากษัตริย์จะสามารถดำรงอยู่อย่างมั่นคงในสังคมประชาธิปไตยสมัยใหม่ได้ ก็ด้วยความรักความศรัทธาหรือความยินยอมพร้อมใจของประชาชน ไม่ใช่ด้วยการใช้อำนาจกดบังคับหรือการสร้างความกลัว ดังนั้น การบังคับใช้ ม.112 อย่างรุนแรงดังที่เป็นอยู่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จึงไม่ใช่การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างยั่งยืน ซ้ำร้ายยังจะส่งผลบ่อนทำลายสายใยความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชนในระยะยาวอีกด้วย
ในสภาพการณ์เช่นนี้ ผู้ที่ปรารถนาดีหรือจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างจริงใจ ควรต้องร่วมกันตั้งหลักในการพิจารณากุศโลบายที่สอดคล้องกับสถานการณ์และพลวัตของสังคมไทย เราต้องช่วยกันไม่ให้เกิดเงื่อนไขที่ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เข้าไปเกี่ยวพันกับความขัดแย้งทางการเมืองได้จัดวางพระราชสถานะอย่างประณีตภายใต้รัฐธรรมนูญ ระมัดระวังอย่าให้เกิดความขัดแย้งกันระหว่างพระราชอำนาจกับหลักการ “ปกเกล้า แต่ไม่ปกครอง” ของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ผมเชื่อมั่นว่า มีแต่หนทางนี้เท่านั้น ที่จะธำรงรักษาให้องค์พระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะตามรัฐธรรมนูญอย่างมั่นคง สังคมไทยในห้วงยามนี้ต้องการทุกคนมาร่วมกันคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างมีสติ มิใช่การอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์และ ม.112 มาคุ้มครองผลประโยชน์หรืออำนาจของตนเอง
ที่มา https://www.facebook.com/ChaithawatTulathon/posts/820751206725296?ref=embed_post
Thepoint #Newsthepoint
เทพไท #ประยุทธ์ #ลุงตู่ #นายกมือสะอาด #องคมนตรี
เพลงแหล่ สดุดีลุงตู่
สดุดี ลุงตู่ ผู้ยิ่งใหญ่
ผู้อยู่ใน หัวใจ ไทยทั้งหล้า
เป็นนายกฯ 9 ปี ที่ผ่านมา
ได้นำพา ชาติบ้านเมือง เรืองระบือ
ความสงบ เกิดขึ้น ทุกหย่อมหญ้า
ทั้งพารา แซ้ซ้อง และเชื่อถือ
ความซื่อสัตย์ สุจริต คนเลื่องลือ
กล่าวขานชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เป็นรัฐบาล สร้างผลงาน ไว้มากมาย
ไทยทั้งหลาย ทั่วถิ่น ถวิลหา
คนละครึ่ง เราชนะ ติดตามมา
ได้เยียวยา ช่วงโควิด พิชิตไทย
พัฒนา โครงสร้าง ทั้งประเทศ
ทุกคานเขต ก้าวหน้า ทันสมัย
สร้างถนน สร้างสะพาน ทางรถไฟ
นักท่องเที่ยว หลั่งไหล มามากมาย
ฟื้นสัมพันธ์ ไมตรี กับซาอุ
ส่งออก ยอดทะลุ ในการขาย
สร้างรถไฟ ในกรุงเทพ 12 สาย
ความเร็วสูง รางคู่ก็ได้ พัฒนา
ทั้งแหล่งนำ้ การเกษตร ปศุสัตว์
ทุกแผนงาน ของรัฐ ได้จัดหา
ทรัพยากร มนุษย์ ได้พัฒนา
คนจน คนรากหญ้า ได้ดูแล
บัตรสวัสดิการ แห่งรัฐ ได้จัดให้
เบี้ยยังชีพ ก็ได้ ให้คนแก่
อสม. กำนันผู้ใหญ่ ได้ดูแล
เพื่อพ่อแม่ พี่น้อง ผองไทยเรา
ปรับเงินเดือน ให้องค์กร ส่วนท้องถิ่น
ได้มีกิน มีใช้ ไม่อายเขา
อบต. อบจ. เทศบาลเรา
ช่วยแบ่งเบา เพิ่มรายได้ ให้สุขขี
ทุกชุมชน เทศบาล ท่านจัดให้
ค่าตอบแทน ก็ได้ ทุกพื้นที่
ผลผลิต การเกษตร ราคาดี
เพราะรัฐมี ส่วนต่าง ของราคา
เกษตรกร มีรายได้ พอใช้สอย
อย่างน้อย ห้าอย่าง ไม่สร้างปัญหา
ปาล์มนำ้มัน ข้าวโพด ยางพารา
ข้าวชาวนา และมันสำปะหลัง
ประเทศไทย ได้เจริญ รุดหน้า
ทั่วพารา ไม่ทิ้งใคร ไว้ข้างหลัง
ทำเพื่อชาติ ศาสน์กษัตริย์ อย่างจริงจัง
คนไทย สมดั่งหวัง ทั้งแผ่นดิน
มีผลงาน ของท่าน อีกมากมาย
สาธยาย บอกได้ ไม่จบสิ้น
ชื่อลุงตู่ ดังก้อง ทั่วธานินทร์
ทุกฐานถิ่น อย่างทรนง องอาจ
จนบัดนี้ มีพระบรม ราชโองการ
สนองงาน ใต้เบื้อง พระยุคลบาท
โปรดเกล้า เป็นองคมนตรี ศรีของชาติ
ขอรับใช้ เป็นข้ารองบาท ทุกชาติไป
ข้อเสนอการนิรโทษกรรมให้แก่ผู้ที่ถูกดำเนินคดีอันเนื่องมาจากการแสดงออกทางการเมืองหรือความขัดแย้งทางการเมืองเพื่อนำไปสู่การสร้างความปรองดองหรือการคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับสังคมไทย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าข้อถกเถียงสำคัญสำหรับการนิรโทษกรรมคดีการเมืองในปัจจุบันคือ เราควรนิรโทษกรรมผู้ที่ถูกดำเนินคดีในความผิดตามกฎหมายอาญาม.112 ด้วยหรือไม่
เหตุผลของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งเราควรนำมาพิจารณาร่วมกันคือ หากเรานิรโทษกรรมคดี 112 ไปแล้ว จะเป็นการไม่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่หรือจะเป็นการปล่อยให้เกิดการแสดงความคิดเห็นหรือการแสดงออกทางการเมืองที่กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อไปอีกหรือไม่
สำหรับประเด็นนี้ ผมยังเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า สถาบันพระมหากษัตริย์จะสามารถดำรงอยู่อย่างมั่นคงในสังคมประชาธิปไตยสมัยใหม่ได้ ก็ด้วยความรักความศรัทธาหรือความยินยอมพร้อมใจของประชาชน ไม่ใช่ด้วยการใช้อำนาจกดบังคับหรือการสร้างความกลัว ดังนั้น การบังคับใช้ ม.112 อย่างรุนแรงดังที่เป็นอยู่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จึงไม่ใช่การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างยั่งยืน ซ้ำร้ายยังจะส่งผลบ่อนทำลายสายใยความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชนในระยะยาวอีกด้วย
ในสภาพการณ์เช่นนี้ ผู้ที่ปรารถนาดีหรือจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างจริงใจ ควรต้องร่วมกันตั้งหลักในการพิจารณากุศโลบายที่สอดคล้องกับสถานการณ์และพลวัตของสังคมไทย เราต้องช่วยกันไม่ให้เกิดเงื่อนไขที่ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เข้าไปเกี่ยวพันกับความขัดแย้งทางการเมืองได้จัดวางพระราชสถานะอย่างประณีตภายใต้รัฐธรรมนูญ ระมัดระวังอย่าให้เกิดความขัดแย้งกันระหว่างพระราชอำนาจกับหลักการ “ปกเกล้า แต่ไม่ปกครอง” ของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ผมเชื่อมั่นว่า มีแต่หนทางนี้เท่านั้น ที่จะธำรงรักษาให้องค์พระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะตามรัฐธรรมนูญอย่างมั่นคง สังคมไทยในห้วงยามนี้ต้องการทุกคนมาร่วมกันคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างมีสติ มิใช่การอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์และ ม.112 มาคุ้มครองผลประโยชน์หรืออำนาจของตนเอง
ที่มา https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=122111366918120503&id=61553615095499&ref=embed_post