เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาทวงสัญญา MOU ที่เคยทำกับพรรคเพื่อไทย หลังรัฐบาลบริหารงานมาครบ 1 ปี ว่า นายพิธา ยังจมอยู่กับในอดีต เรื่องผ่านไป 1 ปีแล้ว และเรื่องนี้ รายละเอียดขอให้ไปถามกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์
เมื่อถามว่า MOU ฉบับดังกล่าวถือว่า ไม่มีอยู่ในขณะนี้แล้วใช่หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ขอให้ไปถามรายละเอียดจากนายภูมิธรรม ส่วนตัวตนคิดว่า เรื่องนี้ มันผ่านมา 1 ปีแล้ว เราก้าวข้ามไปแล้ว ซึ่งหากรายละเอียดอยากรู้อะไรเพิ่มเติม ให้ไปสอบถามจากนายภูมิธรรมได้
ทั้งนี้ประเด็นดังกล่าวเกิดจาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ฝากทวงถามปยังนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี (ครม.) ส.ส. และพรรคการเมือง ให้ร่วมผลักดันตามที่ได้สัญญาไว้ในบันทึกความเข้าใจหรือ MOU ที่พวกเรา พรรคการเมืองต่างๆ ทำร่วมกันเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 หรือ 1 ปีที่ผ่านมา อาจไม่ใช่ MOU จัดตั้งรัฐบาลที่เราทำได้ไม่สำเร็จ แต่เป็น MOU ที่เกี่ยวข้องกับการร่วมเสนอชื่อบุคคล เพื่อดำรงตำแหน่งประธานสภา และรองประธานสภา 2 คน ที่ปัจจุบันยังดำรงตำแหน่ง
นายพิธากล่าวต่อว่า ขอให้ผลักดัน 3 ประเด็น ดังนี้ 1.การทำให้รัฐสภาไทยก้าวหน้า โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีประสิทธิภาพ และเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง 2.ความคืบหน้านิรโทษกรรมคดีการเมืองเพื่อความยุติธรรม นิติรัฐ นิติธรรม แก้วิกฤตการเมือง และคนไทยที่เห็นต่าง ไม่ต้องติดคุก ไม่ต้องลี้ภัย และ 3.แก้ไขกฎหมายเพื่อปฏิรูปกองทัพ อันได้แก่ร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ที่ร่าง พ.ร.บ.กฎอัยการศึก และร่าง พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ซึ่งขณะติดอยู่ที่นายกฯ เพราะถูกตีความว่าเป็นกฎหมายการเงิน ทั้งหมดเพื่อปฏิรูปกองทัพให้ทันสมัย และเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง