วันนี้ (11 พ.ย.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมือง นักธุรกิจชื่อดัง ได้โพสต์เฟซบุ๊กภาพตัวเองและภาพนายสันธนะ ประยูรรัตน์ พร้อมระบุขข้อความว่า ผมเคยทำอะไรในอดีต ทุกคนทราบ ตกผลึกรอดมาถึงบัดนี้ได้ ถือว่าเกินคุ้ม ไอ้พวกเทาที่แสร้งทำตัวขาว ขออนุญาตให้ผมจัดการเอง รับผิดชอบเอง เพราะชอบอ้างว่ารู้ไปทุกเรื่อง เพื่อฟอกขาวไปใช้กับคนสีเทาดำในการต่อรองเอาผลประโยชน์เข้าตัว เรียกราคาเป็นล้าน ได้แค่หลักหมื่น ก็เอาเข้าบ้านแล้ว
.
แต่นี่เป็นเรื่อง “ไร้สาระ” ที่ผมจำเป็นต้องตบสั่งสอน หากขึ้นเวที ขอประกาศยืนยัน “นาทีเดียวไม่ล้ม ยอมกราบ” วัดหุ่นกันก่อน สงสัยแดก “หมูกระทะ” มากไป ผมมีวินัย ฝึกซ้อมทุกวัน วันละ 2 ชั่วโมง ไม่เคยขาดแม้แต่วันเดียว เอาเป็นว่า “กระดูกคนละเบอร์” อย่ามาเปรียบ “มวยคนละชั้น”
.
ส่วนเรื่อง “มีสาระ” ที่ผมเปิดประเด็น ตำรวจรับไปขยายผล จัดการ “จีนเทา” ผมกล้าเอาชีวิตที่เกินกำไรเป็นเดิมพัน ว่ากอบโกย สูบฉีดสังคม ทำร้ายคนไทย มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วมากมาย หากไม่เร่งจัดการวันนี้ อนาคตจะเป็นมหันตภัยร้ายแรงต่อสังคม เศรษฐกิจ
.
สนิมจีนเทาดำเหล่านี้ หากไม่เกิดจากเนื้อในของคนไทยเทาดำให้การสนับสนุนแล้ว ย่อมไม่สามารถกระทำได้ จึงถือว่าผิดตามกฎหมายที่ต้องมี “ตัวการ” และยังมี “ผู้สนับสนุน” เพราะดันมาบอกว่า “กลุ่มทุนจีน 5 เสือ” ที่ผมพูดถึงนั้นไม่ผิด เป็นผู้บริสุทธิ์ ทำมาหากินสุจริต แต่ไม่มีหลักฐานใดมาโต้แย้ง นอกจากปากที่อ้างว่า “รู้จัก” เหมือนทุกครั้งที่อ้างเมื่อมีกระแสร้อนแรงใดๆ ในสื่อขณะนั้น
.
ผมเปิดเผยข้อมูลเพื่อเตือนสังคมมาหลายเดือน จนถึงจุดเดือดที่ ผับ “จินหลิง” แถวยานนาวา ถูกเปิดเผยจะๆ คาตา ต่อมาผมสื่อว่านี่คือ “ผับศูนย์เหรียญ” เพราะไม่เหลือเศษให้คนไทยได้กิน และล้อกับเรื่องที่ “บิ๊กโจ๊ก” เคยจัดการ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ของจีน แต่มันร้ายแรงกว่าเป็นร้อยเป็นพันเท่า เพราะพัวพันถึงยาเสพติด ฟอกเงิน ธุรกิจสีเทาดำต่างๆ อีกมากมาย เช่น คอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ เชื่อมโยงถึงใครเดาได้ไม่ยาก
.
ขนาดจีนเทาดำ “ตู้ห่าว” ที่หนีไปต่างประเทศ ยังมี “ไพรเวทเจ็ท” ส่วนตัว แล้วยังเจียดเศษเงินไปบริจาคให้พรรคการเมืองได้อีก ยังไม่นับพวกหาเศษหาเลย ชอบอ้างว่ารู้ไปหมดทุกเรื่อง ที่เดือดร้อนเพราะกินเศษน้ำ นับเป็น “ตัวแทน” จากจีนเทาที่รีบออกมาปกป้อง การอ้าง ใครๆ ก็อ้างได้ ไม่มีใครมา “การันตี” เพราะพวกทำผิด ต้องเงียบ เพื่อให้คนกลางไปเคลียร์ และใครจะมีพาวเวอร์ หากไม่ใช่คนที่สามารถออกสื่อเรียกแขกได้
.
แต่ไม่มี “หลักฐาน” ใดๆ นอกจากใช้น้ำลาย และความบ้า เป็นต้นทุน ทุกครั้งก่อนการแฉ ผมต้องมี “ข้อมูล” อันเป็นประจักษ์ชัดเจน ไม่ใช่ “กั๊ก” ไว้เพื่อต่อรอง แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ แม้แต่ “จีนเทาภาค 2” (ภาคพิสดาร) หากไม่เร่งขุดคุ้ย การประมูลของหน่วยงานรัฐจะมีการ “ฮั้วมหาศาล” หรือตัดราคายับจนชนะ เพราะทุนจีนอาศัยสโลแกน “ขาดทุนวันนี้ เพื่อครองตลาดทำกำไรในวันหน้า”
.
ฉากหน้าเป็นบริษัทไทย แต่ไส้ในเป็นหุ้นจีนทั้งแท่ง เงินที่นำมาใช้เป็นทุนสีเทาดำ เอามาฟอกกลายเป็น “เงินขาว” แล้วคนไทยที่ไหนจะไปสู้ได้ ? หลักฐานมีให้ “บิ๊กต่อ” และ “บิ๊กโจ๊ก” ไปแล้ว แต่ต้องสาวไส้นาน เพราะไม่ได้เห็นเงิน เห็นยาชัดๆ พวกนี้เป็นเหมือน “จีนเทาใส่สูท” ปล้นเงินคนไทย แล้วโอนกลับไปตามบ่อนนอกประเทศ และโอนต่อไปไหนก็ได้ในโลก
.
ผมเคยทำร้ายสังคม และได้ชดใช้ความผิดไปหมดสิ้นแล้ว รู้จักแบ่งแยก ดี เลว คบคนหลากหลาย จึงไม่แปลกใจที่มี ไอ้บ้า กล้ามาทุบประตูห้องประชุมในโรงพัก ขณะ รอง ผบ.ตร. นั่งอยู่ เพื่อประกาศศักดิ์ดาว่า “กูใหญ่” ไม่กลัวใคร แต่ขอบอกไว้ว่า “กูไม่กลัวมึง”
.
- Advertisement -