หน้าแรกเศรษฐกิจ'ครูเคท' ชี้ ทำไม BOJ ถึงยอมให้ค่าเงินเยนอ่อนโดยไม่แทรกแซง

‘ครูเคท’ ชี้ ทำไม BOJ ถึงยอมให้ค่าเงินเยนอ่อนโดยไม่แทรกแซง

เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2566 ผู้ใช้เฟสบุค chutima pukbanyang หรือ ครูเคท ระบุว่า เคทคิดยังไง…กับการอ่อนค่าของเงินเยน ?

ก่อนอื่นมาลองพิจารณาหรือตั้งสมมติฐานกันดูเล่นๆว่า ทำไม BOJ ถึงยอมให้ค่าเงินอ่อนโดยไม่แทรกแซง

คำถามนี้จัดว่าสร้างความสงสัยให้นักการเงินจำนวนมากทั้งในและต่างประเทศ

เคทมองว่า โดยปกติแล้ว ธนาคารกลางของแต่ละประเทศจะไม่ค่อยแทรกแซงการเงิน ถ้าดูแล้วไม่วิกฤตจริงๆ ก็จะปล่อยไปตามกลไกตลาด ถึงตอนนั้นหากแม้ ธนาคารกลางญี่ปุ่นไม่ทำอะไร ต่างประเทศก็จะทำอยู่ดี เหมือนกรณีที่เกิดขึ้นในยุค 80’s กับเหตุการณ์ plaza accord ที่เป็นจุดรุ่งเรืองและจุดเริ่มต้นของวิกฤตการล่มสลายทางการเงินของเอเชียเช่นกัน !!

ยุคนั้น ค่าเงินเยนอยู่ที่ 250 เยนต่อดอลลาร์ ค่ะ !!

พีคๆก็ 275 /USD. หลังจากข้อตกลง P.A. ค่าเงินก็แข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ บริเวณ 120-150 jpy/usd. เรียกว่ารวยกันภายในพริบตา

ถามว่า แล้วเงินเยนตอนนี้อ่อนค่าระดับไหน อ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 25 ปี ที่ 141-144 jpy /usd แต่ก็เทียบกับในอดีตยุคนั้นไม่ได้ ซึ่งแม้แต่ปีก่อนเองก็ยังอ่อนค่ามากกว่านี้ ตอนนั้นแตะระดับ 151jpy และนั่นก็เป็นช่วงที่ BOJ เทขายพันธบัตรดอลลาร์ออกมาราว 6หมื่นกว่าล้านดอลลาร์

แสดงว่า แท้จริงแล้วการจะบอกว่าไม่แทรกแซงก็ดูจะไม่จริง เพียงแต่ว่า ณ จุดนี้ BOJ มีตัวเลขการจัดการในใจ กรณีนี้ก็ยึดที่ บริเวณ 151+ ถือว่าเป็นแนวต้านสำคัญ ในรอบ 30 กว่าปี

อย่างไรก็ตาม การแทรกแซงต้องใช้ปริมาณเงินจำนวนมาก แต่ได้ผลแค่ระยะสั้นๆ

การที่ญี่ปุ่นจัดว่าเป็นประเทศที่ถือครองสกุลเงินดอลลาร์มากที่สุดในโลกราวๆ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ การถือครองเงินปริมาณระดับนี้น่าจะทำให้ญี่ปุ่นมีความมั่นใจระดับหนึ่ง จึงไม่สะทกสะท้านต่อการอ่อนค่าของเงินเยน อีกทั้งยิ่งดอลลาร์แข็งค่า ก็ยิ่งเป็นผลดีต่อการคลัง

ทีนี้ถ้าเราดูอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นตอนนี้ ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ(3-4%)เมื่อเทียบกับทั่วโลกที่เจอปัญหานี้ ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้พยุงราคาพลังงานเอาไว้ด้วยทำให้เงินเฟ้อยังอยู่ในจุดที่ไปต่อได้ รัฐบาลประเมินว่าราคาพลังงานจะลดลง (ซึ่งก็ลดลงจริง)

ทำให้ BOJ ดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป

แต่อย่างไรก็ตาม เคทมองว่าปัจจัยที่ว่ามาข้างต้นเหล่านั้นดูจะไม่ค่อยมีน้ำหนักที่พอจะเป็นคำตอบที่ดีได้
การจะปรับนโยบายการเงิน ตามหลักก็ต้องดูความสอดคล้องของนโยบายเศรษฐกิจและบริบทภายใน

ดังนั้น เคทมองว่า การทำนิ่งของ BOJ เคทมองว่า สอดรับกับการที่ ญี่ปุ่นต้องการผลักดัน เศรษฐกิจการท่องเที่ยว กับการส่งออกมากกว่า โดยเฉพาะกับการส่งออก หลังจากที่ญี่ปุ่นเผชิญภาวะขาดดุลสูงที่สุดในรอบ 40กว่าปี และความต้องการกลับมาเป็นเบอร์หนึ่งของประเทศส่งออกอีกครั้ง หลังถูกสั่นคลอนตำแหน่งนี้โดยเฉพาะการส่งออกรถยนตร์จากจีน

(อดีตญี่ปุ่นการส่งออกเป็นรองเพียงแค่สหรัฐ พอเข้ากลางยุค 90 ตัวเลขส่งออกค่อยๆลดลง จนปัจจุบันดัชนีส่งออกลดลงกว่า 50%)

ถ้าทิศทางการอ่อนค่าของสกุลเงินเยนยังเป็นไปในทิศทางนี้อยู่ หรือ ทรงตัวอยู่ จะทำให้โอกาสการฟื้นตัว(recovery)ทางเศรษฐกิจญี่ปุ่นดูสดใสขึ้นหลังจากอยู่ในภาวะถดถอยมานานกว่า 30ปี ตัวเลขท่องเที่ยวญี่ปุ่นนั้นสูงพอๆกับไทย แต่ยอดใข้จ่ายต่อหัวนั้นสูงกว่ามาก การส่งออกอุตรสาหกรรมรถยนตร์ แม้จะออกตัวช้า แต่ระยะกลางแนวโน้มจะไม่เป็นรองจีนอย่างแน่นอน

ทีนี้กลับมาในด้านการเทรดเราจะพิจารณาอย่างไรต่อ

ถ้าในส่วนของเทรดค่าเงินFX.

บริเวณ 141-151 มองว่าเป็นจุดที่ต้องเริ่ม take profit เก็บกำไร โดยมีแนวต้านที่สำคัญคือ บริเวณกรอบ 151-156 ตรงนี้ยังไงก็ต้องล็อคกำไรและถือ sell แทน สรุปกรอบ 141-151 เหมาะแก่การแบ่งไม้สะสม sell และควรเริ่มลดฝั่ง buy เพื่อล็อคกำไร

ในด้านตลาดหุ้น

  1. สิ่งแรกเราจะพิจารณา ว่าใดบริษัทฯ ที่มีผลต่อการส่งออกของญี่ปุ่น เช่น บริษัทที่รับผลิตชิ้นส่วนหรือ วัตถุดิบ ให้กับประเทศญี่ปุ่น (ชิ้นส่วนรถยนตร์,ยาง,แผงวงจร) หรือ นิคมอุตรสาหกรรมที่เป็นส่วยขยายกำลังการผลิต
    ทั้งนี้รวมถึง บริษัทกิจการที่นำเข้าจากญี่ปุ่นเช่นกัน ก็จะได้ประโยชน์ในส่วนของต้นทุนที่ลดลง พวกนี้ย่อมได้อานิสงส์ไปด้วย
    ส่วนพวกที่มีฐานส่งออกไปญี่ปุ่น อาจจะได้รับผลกระทบจากยอดสั่งซื้อที่ลดลง เช่น อาหาร สินค้าแปรรูป ต้องระวัง
  2. พิจารณาศักยภาพตัวโปรดักส์ และความแข็งแกร่งของบริษัท จากข้อที่ 1 ว่ายังได้การตอบรับในตลาดดีหรือไม่ หากยังดี อยู่ ก็พิจารณาเพิ่มน้ำหนักการลงทุน แต่หากไม่ก็ต้องลด
  3. พิจารณาติดตามนโยบายของภาครัฐทั้งไทยและญี่ปุ่นอยู่เสมอ ว่าเอื้อให้กับการลงทุนหรือธุรกิจประเภทไหนเป็นพิเศษรึไม่ เพราะสิ่งนี้หมายถึง การส่งเสริม หรือ ดิสรัปธุรกิจได้เลย นโยบายมีผลต่อ ความมั่งคั่ง เป็นอย่างมาก เช่น ภาครัฐไทยมีนโยบายยกเว้นภาษีบริษัทที่ต้องการผลิตรถยนตร์อีวีในไทย หรือ ส่งเสริมอุตรสาหกรรมผลิตแผงวงจร ชิพ ในไทย หรือ ยกเว้นภาษีที่ดิน ฯลฯ ตรงนี้ต้องดูให้ดีๆ

ตรงนี้ กลับกัน นโยบายของญี่ปุ่นก็ต้องติดตามให้ดี การอ่อนค่าเงินที่มากเกินไป อาจส่งผลให้เกิดนโยบายสนับสนุนให้เกิดการย้ายการผลิตกลับได้ ตรงนี้จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนได้เลยทีเดียว

เพื่อนๆมีความคิดเห็นอย่างไร ขอเชิญเสนอแนะ แชร์แลกเปลี่ยนกันค่ะ

มิ้วๆนะ

ที่มา : https://web.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0z1HoYekN672A3FQ4tbVCy6wUJF8cwF8wgJ91zFPKSgmiTuqaji4QCm6Y8Tw4P9eal&id=100010403208238&mibextid=qC1gEa&_rdc=1&_rdr

Thepoint #Newsthepoint #ครูเคท #chutimapukbanyang #ค่าเงินเยน

Must Read

Related News

- Advertisement -