ผ่านมา 1 สัปดาห์ สำหรับเวทีดีเบตร้อนระหว่างนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในหัวข้อ”เลิก-แก้-ไม่แตะ 112″ ที่ออกอากาศผ่านช่องทางยูทูบ ดำเนินรายการโดย น.ส.จอมขวัญ หลาวเพ็ชร ซึ่งหลังจากจบรายการมีปฏิกิริยาและการแสดงความคิดเห็นจากบุคคลมากมายทั้งในแวดวงวิชาการและในโซเชียลมีเดีย
.
โดยในการสนทนาครั้งนั้น นายปิยบุตร ย้ำถึงการแก้ไขมาตรา 112 โดยมองว่า มาตรา 112 อยู่ในกลุ่มกฎหมายฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น ความผิดเกี่ยวกับเกียรติยศชื่อเสียงของบุคคลหรือผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ เห็นว่าความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นทั้งระบบ ตั้งแต่สถาบันพระมหากษัตริย์ถึงบุคคลธรรมดาควรออกจากคดีอาญาได้แล้ว เปลี่ยนมาเป็นเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในทางแพ่งแทน และยังเป็นเทรนด์ของโลกและสหประชาชาติสนับสนุนยกเลิกโทษอาญาออกจากคดีหมิ่นประมาท
.
ขณะที่นายอรรถวิชช์ ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงมาตรา 112 ในขณะนี้ยังไม่ควรกระทำทั้งสิ้นและย้ำว่า 112 เป็นโทษที่มีฐานความผิดที่กว้างตั้งแต่ดูหมิ่น หมิ่นประมาท ไปจนถึงเรื่องอาฆาตมาดร้าย ซึ่งตัวฐานหลักก็กว้างตัวโทษก็กว้าง ตั้งแต่ 3-15 ปี เมื่อโทษกว้างตัวคดีก็กว้าง จึงอยากชวนกำหนดแนวทางปฏิบัติของมาตรานี้โดยการตั้งคณะกรรมขึ้นมาหนึ่งชุด ที่ฝ่ายบริหารสามารถทำได้เลย
.
นายอรรถวิชช์ ยังระบุว่า”คุณต้องคิดและต้องเข้าใจ สังเกตไหมว่าอาจารย์เองไม่โดน 112 แต่คนฟังอาจารย์ เขาโดน 112 ดังนั้นอาจารย์ต้องเคลียร์ให้เขาเข้าใจว่าเราจะไปช่วยเขาได้อย่างไรด้วยวิธีการที่เร็วที่สุด แต่ถ้าเกิดดันไปสู่กระบวนการแก้ไขมันต้องดูคะแนนเสียงในสภาด้วยว่ามันไปหรือเปล่าเสียงข้างมากในสภาไปได้ไหม ขี้หมูขี้หมาคุณเสียเวลากับมัน 8 เดือนไปกับเรื่องพวกนี้แล้วคนที่เขายังเสียหายยังรอการตัดสินหรือเขาเป็นคดีความอยู่มันก็ต้องไปช่วยเขาถูกไหม ผมคิดแบบนี้เพื่อไปสู่ทางออกให้ได้ นี่คือจุดยืนของผม”
.
จากนั้นมีควันหลงมากมายหลังเวทีดีเบต กลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์ โดยมีผู้คนจำนวนมากแสดงความเห็นชื่นชมนายอรรถวิชช์ โดยมองว่าให้เหตุผลที่ดี น่าฟัง และมีน้ำหนักดีในบริบทของโลกสังคมจริง และยังอธิบายขยายความให้คนดูเข้าใจง่าย แต่นายปิยบุตร พูดวกไปวนมา อาทิ น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ “โบว์” นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน ที้โพสต์ข้อความเห็นต่างนายปิยบุตร โดยระบุว่า “เวลาใครบอกว่าอยากให้การหมิ่นประมาทเป็นแค่โทษทางแพ่งเพื่อส่งเสริม free speech และให้สังคมรู้จักอดทนอดกลั้น นี่คือคุณกำลังบอกว่าให้คนถูกละเมิดอดทนต่อการกระทำของผู้ละเมิดนะคะ”
.
นอกจากนี้นายอัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “รศ.ดร.ปอดแหก” ระบุว่า ปิยะบุตร ไม่กล้าเจอ ดร.อานนท์กับ ดร.นิว แต่กล้ามาเจอ อรรถวิชช์ ประเมิน อรรถวิชช์ เอาไว้ต่ำ สุดท้าย หนีเสือปะจระเข้ เพราะอรรถวิชช์เป็นจระเข้ หนีเสือบอยเสือนิว กระโดดลงน้ำ ปะจระเข้อรรถวิทย์เข้าไปต่อจากนี้คงต้องคิดหนักกว่าเก่าถ้าต้องไปเจอกับใครและคงกลับไปแอบอยู่ใต้กระโปรงเด็กเหมือนเคย
.
กระแสร้อนจนทำให้ นายปิยบุตร ต้องออกมาตอบโต้อ้างเหตุผลที่ว่าไม่ได้ต้องการเอาชนะโต้วาที ทั้งหมดจงใจให้เป็นแบบนี้ ด้วยเหตุผลหลายประการ โดยต้องการพูดให้คนที่ไม่รักไม่เชียร์ได้ฟังตัวเองบ้าง
.
- Advertisement -