นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า #Evergrande สัญญาณวิกฤตการเงินโลกครั้งใหม่ ที่ไทยต้องไม่มองข้าม ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาไทยเรารับมือกับเรื่องน้ำท่วมเป็นหลัก แต่ประเด็นนี้ต้องคอยจับตาให้ดีครับ สื่อและนักวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจต่างชาติยังคงเกาะติดไม่หยุดกับประเด็น Evergrande
.
ตอนผมคุมเศรษฐกิจในยุควิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ เราทำงานจับตาเรื่องซับไพรม์ใกล้ชิดตั้งแต่ต้น ทำงานเชิงลึกและทำความเข้าใจกันตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตจนจัดการได้อยู่หมัด แก้วิกฤตจนไทยฟื้นตัวไวอันดับ 2 ของโลก
.
คำถามคือ วันนี้ไทยเตรียมรับมือกับประเด็น Evergrande หรือยัง!?
Evergrande ใช้ยุทธศาสตร์ 3 สูง 1 ต่ำ คือหนี้สูง หนี้ต่อทุนสูง และยอดขายสูง ส่วน 1 ตํ่าคือ ต้นทุนต่ำ ยุทธศาสตร์นี้ทำให้ Evergrande เติบโตอย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่ปี แต่แล้วสุดท้ายการเสพติดหนี้ทำให้บริษัทล่มและสะเทือนไปถึงระบบธนาคารและแม้แต่การเมืองจีน
.
ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนได้พยายามลดความเสี่ยงในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วยการประกาศมาตรการ ‘3 เส้นแดง’ ที่ทุกบริษัทต้องปฏิบัติ ซึ่งเป็นการกำหนด 1. สัดส่วนหนี้สินต่อทรัพย์สิน 2. สัดส่วนหนี้ต่อทุน 3. สัดส่วนเงินสดต่อหนี้ระยะสั้น
.
ตั้งแต่วันประกาศ Evergrande ไม่เคยผ่านทุกเงื่อนไข ผมคิดว่ารัฐบาลจีนจะหาวิธีดูแลลูกค้าของ Evergrande ให้ได้รับการเยียวยา (เพื่อไม่ให้มีผลกระทบทางการเมือง) แต่จะไม่อุ้มผู้ถือหุ้นบริษัทแน่นอน
รัฐบาลของ สี จิ้นผิงได้ออกมาตรการเด็ดปีกทุนใหญ่ต่อเนื่องมาตลอดปี ดังนั้นบทบาทการเมืองจีนต่อภาคธุรกิจจึงเป็นประเด็นเสี่ยงที่สุดของทุกคนที่ลงทุนในตลาดหุ้นจีน และเมื่อรวมกับความอึมครึมในวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จีนแล้ว เราจึงจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
.
ถึงแม้วันนี้ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจะยังไม่มาก แต่ความพึ่งพาใกล้ชิดระหว่างเศรษฐกิจไทย-จีนในปัจจุบันนี้ มีมากกว่า ไทย-อเมริกา ตอนเราโดนลูกหลงจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ดังนั้นเราต้องวางแผนรับแรงกระแทกให้ดี ผู้บริหารประเทศและทีมเศรษฐกิจต้องจับตาเข้มข้นเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดครับ…อย่าตายใจว่าไกลตัวเรา
.