หลังเสร็จสิ้นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญสั่ง ยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิ์ทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรคฯทั้งสองชุดเป็นเวลา 10 ปี เนื่องจากคดีหาเสียงเสนอแก้ไขกฎหมาย มาตรา 112 ใช้สิทธิและเสรีภาพล้มล้างการปกครอง ล่าสุด ” ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” นำทีม อดีตสมาชิกสมาผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล ได้ออกรายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ คุยเปิดใจกับสรยุทธ สุทัศนะจินดา และไบรท์ พิชญทัฬห์ (พิธีกร) ถึงคำวินิจฉัยฯดังกล่าว
ระหว่างรายการในนาทีที่ 33.57 นายพิธากล่าวว่าคำวินิจฉัย คำสั่งยุบพรรคฯ เป็นไปตามกฎหมาย-ระบบ อย่างที่มันเป็น แต่ยังไงก็ยืนยันในความบริสุทธิ์ของตนเองและพรรคก้าวไกลว่า ไม่ได้มีการกระทำหรือเจตนาบ่อนทำลายฯ ตามที่คำตัดสินออกมา สรยุทธ์จึงถามซ้ำว่า “10 ปี นานมั้ย?” (หมายถึงพิธาและคณะกรรมการฯที่ถูกตัดสิทธิ์ตามข้างต้น) ซึ่งเจ้าตัวให้คำตอบว่า
“ผมคิดว่าผมยังประมาทไม่ได้นะ ผมยังคิดว่ามันยังไม่จบแค่นี้กับการกระทำที่ผมโดนมา ถ้าเปรียบกับโอลิมปิกผมก็เหมือนเป็นนักกีฬาได้เหรียญทองแล้วเขาไม่ให้ขึ้นรับถ้วย แล้วก็กำลังโดนแบน แต่ผมไม่แน่ใจว่าปลายปีนี้จะมีอะไรที่ผมประมาทไม่ได้อีกหรือเปล่า ซึ่งก็ต้องทำงานต่อ ไม่ใช่ว่าจบแล้วจบเลย“
ด้านรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ อดีตสมาชิกพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กภายหลัง ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลว่า “[ไม่ว่าพรรคใหม่เราจะชื่ออะไร 2570 สีส้มทั้งแผ่นดิน ]
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่อนาคตใหม่จนมาถึงก้าวไกล เราผลักดันวาระก้าวหน้าต่อประชาชนต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นผลักดันการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร สมรสเท่าเทียม การแก้รัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ รวมถึงการมีนโยบายเพื่อส่งเสริมสิทธิเสรีภาพและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประชาชนผ่านนโยบายต่าง ๆ ของพรรค แต่เรากลับเผชิญด้วยข้อหาที่รุนแรงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ล้มล้างการปกครอง เซาะกร่อนบ่อนทำลาย จนกระทั่งในวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย “ยุบพรรคก้าวไกล”
ในระบอบประชาธิปไตยพรรคการเมืองแต่ละพรรคมีชุดคุณค่า อุดมการณ์ และถือความหวัง ความฝันของพี่น้องประชาชนที่เลือกพรรคการเมืองนั้นมาผ่านการสร้างนโยบายและดำเนินนโยบายตามที่ประชาชนต้องการ เรายืนยันว่าการทำลายพรรคการเมืองแบบเดียวที่ยอมรับได้คือคำพิพากษาจากประชาชนผ่านคูหาเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น กระบวนการนิติสงครามด้วยการยุบพรรคจึงเป็นการตัดรอนความเชื่อมั่นของประชาชนจากระบอบประชาธิปไตย และไม่ใช่วิธีสร้างความเข้มแข็งเพื่อให้ประชาธิปไตยตั้งมั่นในประเทศไทยได้เลย ถ้าหากเรายืนยันและทำเสมือนว่าการไล่ยุบพรรคด้วยกระบวนการที่ไม่ยึดโยงกับประชาชนเช่นนี้เป็นเรื่องปกติ ก็จะทำให้วิธีการนี้ถูกใช้ในการทำลายความฝันของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนั้นหมายความว่าถ้ามีกลุ่มคนที่ที่มีความฝันและคิดอ่านคล้าย ๆ กัน รวมตัวกันตั้งพรรคการเมือง เเละเสนอนโยบายต่อประชาชน แต่ถ้าหากคิดต่างจากรัฐหรือชนชั้นนำ ก็จะถูกทำลายลงอย่างไม่ไยดีใช่หรือไม่
เราต้องช่วยกันยืนยันว่านโยบายของพรรคก้าวไกลคือสิ่งทีสังคมนี้ต้องการ ต้องช่วยกันยืนยันว่าสิ่งที่ก้าวไกลทำมาโดยตลอดเพื่อแก้ปัญหาคือสิ่งที่คนไทยต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเปิดโปงระบบตั๋ว ส่วย การละเมิดสิทธิมนุษยชน การทุจริต รวมถึงนโยบายที่ก้าวหน้าจำนวนมาก คือสิ่งที่ประเทศไทยต้องการ และยืนยันว่าเราในฐานะประชาชนจะเป็นคนที่ช่วยกันพัดโหมสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง และทำให้พรรคก้าวไกลไม่เป็นเพียงพรรคการเมือง แต่จะทำให้พรรคก้าวไกลคือผู้คนและการเดินทางของเราทุกคนเสมอ
ไม่ว่าพรรคใหม่เราจะชื่ออะไร 2570 สีส้มทั้งแผ่นดิน”