หน้าแรกข่าวประชาสัมพันธ์เปิดหลักเกณฑ์ ศบค.จ่อคลายล็อค พื้นที่แดงเข้มนั่งกินที่ร้านได้ 1 คน เปิดได้ไม่เกินสามทุ่มสั่งกลับบ้านได้ ยังคงงดจำหน่ายสุราในร้าน

เปิดหลักเกณฑ์ ศบค.จ่อคลายล็อค พื้นที่แดงเข้มนั่งกินที่ร้านได้ 1 คน เปิดได้ไม่เกินสามทุ่มสั่งกลับบ้านได้ ยังคงงดจำหน่ายสุราในร้าน

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. แถลงว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ได้สั่งการให้มีการพิจารณาผ่อนปรนมาตรการในบางพื้นที่ เนื่องจากเห็นถึงเรื่องของผู้ประกอบการ และเพื่อลดผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสังคมและให้สอดคล้องกับการระบาดในปัจจุบัน ดังนั้น ศปก.ศบค. ได้วางหลักเกณฑ์ ไว้ดังนี้ 1.ลักษณะการระบาดในชุมชนโดยพิจารณาจากจำนวนและความต่อเนื่อง 2. จังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับพื้นที่ที่พบการระบาดต่อเนื่องและเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อ 3. จังหวัดที่มีการระบาดในกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสแพร่เชื้อได้ง่าย 4. จังหวัดที่ติดกับชายแดนหรือเคยมีผู้เดินทางเข้าในพื้นที่ติดเชื้อ และ5. สัดส่วนการได้รับวัคซีนของประชากรในพื้นที่
.
นพ.ทวีศิลป์ ระบุอีกว่า ทั้งนี้จะพิจารณาผ่อนคลายมาตรการตามระดับของพื้นที่และตาใสถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร ได้แก่ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดสีแดงเข้ม ซึ่งมีอยู่ 6 จังหวัด จะมีการให้บริโภคในร้านได้ โดยนั่งได้ไม่เกิน 25% เท่ากับว่า โต๊ะ  4 คน นั่งได้ 1 คน เปิดได้ไม่เกิน 21.00 น. สั่งกลับบ้านได้ไม่เกิน 23.00 น. แต่ยังคงงดจำหน่ายสุราและเครื่องดื่มในร้าน ส่วนการใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอน ยังขอให้งดอยู่ ยกเว้นมาขอเป็นรายกรณี เช่น การสอบเข้า-จับสลาก เข้า ป.1,ม.1,ม.4 ที่ กระทรวงศึกษาธิการได้มาขอ
.
ขณะที่พื้นที่ควบคุมสูงสุดสีแดง สามารถบริโภคในร้านได้ไม่เกิน 23.00 น. งดการจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน นอกจากนี้ส่วนของสถานศึกษาทุกระดับ สถาบันกวดวิชา ให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนกิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมาก โดยผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และพื้นที่ควบคุมบริโภคในร้านได้ตามปกติงดการจำหน่ายและงดดื่มสุรา นอกจากนี้ให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อการจัดการเรียนการสอน กิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมากตามมาตราที่กำหนด ส่วนรายชื่อจังหวัดใดอยู่ในพื้นที่ควบคุมระดับใดบ้างนั้น จะมีการหารือเพื่อนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ก่อนลงประกาศให้ทราบอีกครั้ง
.

ThePOINT #ทวีศิลป์วิษณุโยธิน #ศบค. #ผ่อนปรน #คลายล็อค #เศรษฐกิจ #โควิด #วิกฤตโควิด

Must Read

Related News

- Advertisement -