หน้าแรกข่าวเด่นเตือน!!พวกฉลามได้กลิ่นเลือดขยายป่วน ลุกลามทุกพื้นที่ปราศรัยหาเสียงจาก'บ้านโป่งโมเดล'

เตือน!!พวกฉลามได้กลิ่นเลือดขยายป่วน ลุกลามทุกพื้นที่ปราศรัยหาเสียงจาก’บ้านโป่งโมเดล’

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “เชื่อขนมกินได้” ระบุถึงกรณีเหตุการณ์บ้านโป่งไม่ใช่เป็นปรากฎการณ์ปกติและไม่ได้เป็นกรณีแรกที่เกิดขึ้น แต่เหตุการณ์น้ำผึ้งหยดเดียวเช่นนี้จะก่อตัวขึ้นตามลำดับ โดยหลังจากนี้อาจเกิดกับทุกพรรคการเมือง แล้วขยายตัวยิ่งขึ้นไปกับการหาเสียงทุกพื้นที่ในรูปแบบแตกต่างกัน และจะส่อแนวโน้มใช้กำลังปะทะกันตามมา
.
อีกทั้งระบุว่า ปรากฎการณ์อยากมีเรื่องนั้น เริ่มก่อตัวขึ้น (เมื่อ 13 มี.ค.) ที่ กทม. ขณะพรรคก้าวไกลปราศรัยหาเสียงที่ลานสามย่านมิตรทาวน์ จู่ๆ มีหญิง 4 คนอ้างเป็นตัวแทนราษฎรถือป้ายเขียนข้อความโจมตีพรรคก้าวไกล แต่เหตุการณ์นี้ไม่มีการใช้อำนาจปิดปาก เพราะช่อ-พรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียง พลิกสถานการณ์อย่างละมุนละม่อม เข้าไปพูดคุย สัมภาษณ์ และไลฟ์โชว์ออกอากาศ จึงเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส แล้วเหตุการณ์สงบลง ไม่มีลุกลามเกิดความรุนแรง
.
นายจตุพร กล่าวว่า ในวันเดียวกันนั้น ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงพื้นที่ ตรวจราชการ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี มีหญิงวัย 61 ปีชื่อวันทนา โอทอง ยืนแสดงเชิงสัญลักษณ์ประท้วง และตะโกนด่านายกฯ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจล็อกคอ ใช้มือปิดปาก พร้อมกางร่มบังกล้องสื่อมวลชน แล้วลากตัวออกนอกพื้นที่ เหตุการณ์นี้ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์เจ้าหน้าที่ทำรุนแรงกว่าเหตุ
.
นายจตุพร กล่าวว่า เหตุการณ์ที่บ้านโป่ง ราชบุรี เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ใช้มือปิดปาก ฉุดกระชาก ลากดึงป้าวัย 61 ปี จึงแสดงถึงพฤติกรรมปิดปากคนเห็นต่างได้อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตาม ถ้าปล่อยให้ประชาชนตะโกนก็ไม่เป็นไร เพราะตามข้อเท็จจริงแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ใช้เส้นทางนั้น ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นที่จะทำรุนแรงกับผู้หญิงแก่วัย 61 ปี
.
“ทุกอย่างนั้น เจ้าหน้าที่แสดงออกเกินความจำเป็น ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นเลย เพราะพล.อ.ประยุทธ์ สามารถเปลี่ยนเส้นทางการตรวจราชการได้ และต่อมาก็เปลี่ยนเส้นทาง ผมไม่รู้เจ้าหน้าที่คิดอะไร พอวิธีการปฎิบัติไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ เรื่องเล็กก็กลายเป็นเรื่องใหญ่”นายจตุพร กล่าว
.
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อนักข่าวถาม พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งตามประสาคนมีความอดทนต่ำ จึงพูดสวนด้วยอารมณ์ว่า รุนแรงตรงไหน พร้อมชู 3 นิ้ว แซะแซวถามประชดอีก 2 นิ้วหายไปไหน โดยผู้นำประเทศควรมีวิธีการพูดอย่างอื่น เพื่อคลี่คลายวิกฤตให้ผ่อนเบาลง
.
รวมทั้งเห็นว่า หลังจากนี้ ถ้าปรากฎการณ์นี้เกิดขึ้นในพื้นที่ปราศรัยพรรคการเมืองใด แล้วเกิดพฤติกรรมทนไม่ได้ รุมใช้ความรุนแรงเข้าปะทะกัน ดังนั้นหตุการณ์ที่บ้านโป่ง ในทางการเมืองย่อมเสียหาย ทั้งที่บรรยากาศหาเสียงเดินมาดีๆ ทุกพรรคสามารถไปหาเสียงที่ไหนก็ได้ แต่หลังจากนี้ เมื่อเหตุการณ์ถูกจุดชนวนขึ้น ภาพถูกขยายออกไป การหาเสียงจึงทำด้วยความยากลำบากขึ้น เสมือนฉลามได้กลิ่นเลือดจะเห็นช่องทางขยับก่อพฤติกรรมเลียนแบบตามมาในพื้นที่หาเสียงเลือกตั้ง
.
นายจตุพร กล่าวว่า อีกทั้ง ความรุนแรงที่เจ้าหน้าที่ทำกับประชาชนในที่เกิดเหตุ ยังลามไปถึงแจ้งคดีเอาผิดป้าวัย 61 ปี ถึง 3 ข้อหาหนัก คือขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน และตะโกนพูดคำหยาบคาย ทำร้ายเจ้าหน้าที่ จนต้องประกันตัววงเงิน 10,000 บาท แล้วหญิงป้าคนนี้จะแจ้งความกองปราบปรามเอาผิดเจ้าหน้าที่ทำรุนแรงเกินกว่าเหตุเป็นการตอบโต้กลับ
.
นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีอำนาจนายกฯ เต็มที่ แต่เมื่อยุบสภากลายเป็นนายกฯ รักษาการ ทุกครั้งที่หาเสียงจะใช้เวลาหลังราชการหาเสียง แต่ในอดีตนายกฯ รักษาการอย่างทักษิณ ชินวัตร มักใช้วิธีการไปตรวจราชการในพื้นที่หาเสียงก่อน เมื่อสิ้นเวลาราชการจึงเริ่มหาเสียงต่อเลย ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ทำกันมาทุกสมัยเลือกตั้ง แม้เป็นการเอาเปรียบใช้เวลาราชการไปหาเสียง แต่ก็เป็นเรื่องปกติ
.
“การจะเลือกหรือไม่เลือกอยู่ที่ประชาชนจะตัดสินใจ แต่ยิ่งใช้อำนาจมากเท่าไร คนยิ่งเกิดแรงต้านมากขึ้น และเกิดผลการเลือกตั้งในทางตรงกันข้ามเสมอ แต่ผมดูปรากฎการณ์แล้ว เรื่องนี้ (กรณีปิดปากบ้านโป่ง) จะเป็นชนวนเรื่องใหญ่อย่างสำคัญ”นายจตุพร กล่าว
.

ThePoint #Newsthepoint #ข่าวการเมือง #จตุพรพรหมพันธุ์ #คณะหลอมรวมประชาชน #บ้านโป่ง #ป้าดักขบวนนายก #บิ๊กตู่ #นายก

Must Read

Related News

- Advertisement -