เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.66 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีภาพรวมในการเดินสายพูดคุยกับกลุ่มต่างๆ เพื่อหาเสียงสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมฉบับพรรคก้าวไกล ว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงริเริ่มการเดินสาย และพยายามพูดคุยกับหลายฝ่ายให้ได้มากที่สุด ยังมีอีกหลายกลุ่มที่เราตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะพูดคุย ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมข้อกังวลว่ามีอะไรบ้าง รวมทั้งการสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน เพราะอาจจะมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับเนื้อหาของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ หากได้เดินสายพูดคุยกับอีกหลายฝ่ายเพิ่มเติม รวมถึงข้อกังวลอื่นๆ อย่างครบถ้วน เราจะเปิดเผยถึงความคืบหน้ากันอีกครั้ง
เมื่อถามว่า หากพรรคก้าวไกล ไม่สามารถดันร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้ได้สำเร็จ ทางพรรคจะมีแนวทางอย่างไรต่อ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เรายังคงคาดหวังว่า ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ จะได้รับการสนับสนุนจากพรรคซีกรัฐบาล ซึ่งสุดท้ายแล้ว แม้ว่าจะมีพรรคซีกรัฐบาลทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ก็ยังสามารถไปต่อได้ เพราะเป็นร่างกฎหมายที่เสนอโดยพรรคฝ่ายค้าน ไม่ได้เป็นกฎหมายที่ผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตนคิดว่าหากพรรคร่วมรัฐบาลมีความเห็นต่างกัน ก็สามารถลงมติที่แตกต่างกันได้ แต่หากพรรคฝ่ายรัฐบาลมีความเห็นที่แตกต่างในรายละเอียด เราก็อยากเห็นพรรคการเมืองเหล่านั้นเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับตัวเองประกบ ก็จะสามารถนำเนื้อหาเหล่านี้มาถกเถียงกันผ่านกระบวนการในรัฐสภาได้ เพื่อหาข้อสรุปร่วมกันได้
เมื่อถามว่า ทางฝ่ายรัฐบาลโยนให้พรรค ก.ก. พูดคุยกับวิปรัฐบาลเพื่อที่จะนำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เสนอเข้าที่ประชุมสภาฯ ในสมัยการประชุมหน้า ทางพรรคได้มีการพูดคุยกับวิปรัฐบาลบ้างหรือยัง นายพริษฐ์กล่าวว่า ทางวิปแต่ละฝ่ายก็คงมีการประสานกันอยู่แล้ว แต่ก่อนจะไปถึงการบรรจุวาระในช่วงเวลาใด เบื้องต้นคณะทำงานของเรา ได้พยายามพูดคุยกับตัวแทนทุกพรรคการเมือง เพื่อสร้างความเข้าใจในตัวกฎหมาย
เมื่อถามว่า หลายฝ่ายมองว่าพรรคก้าวไกล กำลังพยายามเคลมผลงาน ด้วยการนิรโทษกรรมนักโทษทางการเมือง นายพริษฐ์กล่าวว่า ตนไม่ได้มองเช่นนั้น
“ผมคิดว่าไม่ว่าใครเสนอก็ตาม สมมติว่าในที่สุดแล้ว ทางครม. เสนอกฎหมายที่มีเนื้อหาสาระเป้าหมายเดียวกับของพรรคก้าวไกลเลย แล้วในที่สุด เป็นร่างของ ครม.ที่ผ่าน แต่ร่างของก้าวไกลไม่ผ่าน เราก็แฮปปี้ เราก็ยินดี สาระสำคัญไม่ได้อยู่ที่ใครเสนอ สาระสำคัญคือ สิ่งที่เราผลักดันได้สำเร็จตรงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่” นายพริษฐ์ กล่าว
นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า ขณะนี้ยังไม่มีร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมจากพรรคการเมืองอื่น ต้องรอดูท่าทีรัฐบาลว่าจะเป็นอย่างไร เราในฐานะผู้เสนอ ก็ยินดีไปนำเสนอกับทางรัฐบาล
เมื่อถามว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้จะ สามารถแก้ปัญหาทางการเมืองได้จริงหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า ตนว่าเป็นจุดเริ่มต้น ซึ่งเราก็เห็นว่าข้อเสนอการเสนอนิรโทษกรรมไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นข้อเสนอที่หลายฝ่ายทางการเมืองเคยเสนอมาแล้ว ว่าเป็นกลไกสำคัญในการยุติปัญหาความขัดแย้งที่ผ่านมา ซึ่งตนยืนยันว่า ไม่ได้นิรโทษกรรมเจาะจงแค่นักโทษทางการเมือง ที่โดนคดีอาญามาตรา 112 และ 116 แต่หลักการคือ พยายามนิรโทษกรรมผู้ที่โดนคดี ที่มีมูลเหตุจูงใจกับความขัดแย้งทางการเมือง เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการตามกลไกที่กฎหมายเสนอ เพื่อศึกษาว่าคดีไหนเข้าข่ายหรือไม่เข้าข่าย
เมื่อถามถึงความกังวลในการเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม อาจเป็นชนวนสร้างความขัดแย้งทางการเมืองครั้งใหม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า ตนยืนยันว่า ข้อแรก การใช้กลไกอย่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทางการเมือง เป็นข้อเสนอที่หลายฝ่ายทางการเมืองเคยเสนอ เพื่อยุติความขัดแย้งทางการเมืองมาแล้ว ข้อสอง เรายืนยันว่ากฎหมายนิรโทษกรรมของเราเป็นความพยายามในการนิรโทษกรรม เพื่อให้ความเป็นธรรมกับกลุ่มการเมืองทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม ไม่คิดว่าจะเป็นการจุดชนวนสร้างความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นอีก