พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันจากศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตรวจพบข่าวปลอม 1 กรณีเกี่ยวกับประเด็นเรื่อง ห้องทดลองเชื้อโรคที่ใหญ่ที่สุดในโลกของกองทัพสหรัฐ อยู่ที่กทม. ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กองทัพบก กระทรวงกลาโหม พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
.
จากกรณีมีการเผยแพร่ข้อมูลลงในโซเชียลมีเดีย ระบุว่าห้องทดลองเชื้อโรคที่ใหญ่ที่สุดในโลกของกองทัพสหรัฐ อยู่ที่กรุงเทพฯ และตั้งข้อสังเกตเชื่อมโยงว่าสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร (สวพท.) อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดโควิดในไทยนั้น ทางกองทัพบก กระทรวงกลาโหม ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริง
.
สำหรับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร (สวพท.) หรือ AFRIMS เป็นหน่วยงานในสังกัดกรมแพทย์ทหารบก จากความร่วมมือระหว่างกระทรวงกลาโหมของไทย และกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา ในการร่วมวิจัยการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อในประเทศ ตลอดจนยังเป็นหน่วยเครือข่ายความร่วมมือการวิจัยโรคอุบัติใหม่ โรคอุบัติซ้ำขององค์การอนามัยโลก (WHO) และได้มีการศึกษาวิจัยโรคเขตร้อน โรคระบาด โรคติดเชื้อ
.
ปัจจุบัน สวพท. เป็นห้องปฏิบัติการในการตรวจคัดกรอง COVID-19 นอกจากนี้ พ.ท. แบรนดอน แมคคาร์เธอร์ รอง ผอ.สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร ฝ่ายสหรัฐฯ ได้กล่าวคำยืนยันว่า AFRIMS เป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ที่สำคัญระหว่างสหรัฐฯและไทย มีการวินิจฉัยทางการแพทย์และการรักษาชีวิตของคนทั่วโลก และยังคงภารกิจ อาทิ การสนับสนุนการพัฒนาวัคซีน mRNA ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และช่วยสนับสนุนการศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีน COVID-19 ในประเทศ ให้มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย
.
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกองทัพบก สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.rta.mi.th หรือโทร 0-2241-0404 , facebook : ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก Army PR Center twitter: armypr_news และแอปพลิเคชัน S.M.A.R.T. SOLDIERS
.
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร (สวพท.) หรือ AFRIMS มีพันธกิจในเรื่องการวิเคราะห์ วิจัยทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร และให้บริการตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการแก่ทหารและประชาชน
.
พ.ต.อ.กฤษณะ ระบุอีกว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
.
หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน 5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์@antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
.
- Advertisement -